รายงานจากธนาคารมอร์แกน สแตนลีย์ระบุว่าโดยปกติแล้วหุ้นปันผลมีโอกาสทำผลงานได้ดีในระยะยาวมากกว่ากลุ่มหุ้นที่ไม่ปันผล ผลวิจัยจากมหาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งยังกล่าวเอาไว้อีกด้วยว่านักลงทุนสมัยนี้นิยมหุ้นปันผลที่มีความเสี่ยงต่ำ และสามารถให้ผลตอบแทนได้อย่างสม่ำเสมอ ในขณะเดียวกัน ก็ต้องมีความสามารถในการคานเงินเฟ้อได้อีกด้วย
ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยต่ำ คนส่วนใหญ่มักจะเมิน ETF ด้วยความเชื่อที่ว่าให้ผลตอบแทนต่ำ แต่การเติบโตของกองทุน ETF ในปัจจุบัน ทำให้มีหลายกองทุนที่เน้นจับหุ้นที่มีอัตราการเติบโตสูง ให้ผลตอบแทนดี ซึ่งอาจจะเข้าทางนักลงทุนที่กำลังมองหากองทุน ETF ที่สามารถหาหุ้นที่มีอัตราการปันผลสูงให้พวกเขาได้
1. Invesco High Yield Equity Dividend Achievers ETF
- ระดับราคาปัจจุบัน: $20.53
- กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์: $16.45 - $21.85
- เปอร์เซ็นต์การปันผล: 3.8%
- อัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงาน: 0.53% ต่อปี
กองทุนตัวแรกมีชื่อว่า Invesco High Yield Equity Dividend Achievers™ ETF (NASDAQ:PEY) เป็นกองทุนที่เลือกหุ้นของบริษัทมา 52 ตัว โดยหุ้นเหล่านั้นจะต้องมีคุณสมบัติตืออัตราการเติบโตของเงินปันผลอย่างต่อเนื่อง
PEY เปิดให้เริ่มต้นลงทุนมาตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2004 อ้างอิงราคามาจากดัชนี NASDAQ US Dividend Achievers 50 สัดส่วนการถือครองหุ้นสามารถแบ่งออกเป็นห้ากลุ่มหลักๆ ได้แก่กลุ่มการเงิน 23.50% กลุ่มสาธารณูปโภค 23.13% สินค้าอุปโภคบริโภค 17.05% พลังงาน 13.70% และบริการเพื่อการติดต่อสื่อสาร 6.77%
หุ้นสิบอันดับแรกของกองทุนคิดเป็น 30% ของสินทรัพย์ทั้งหมด $979.8 ล้านเหรียญสหรัฐ หุ้นชื่อดังที่กองทุนนี้ถือครองได้แก่ ONEOK (NYSE:OKE) Exxon Mobil (NYSE:XOM) Chevron (NYSE:CVX) AT&T (NYSE:T) Valero Energy (NYSE:VLO) Edison International (NYSE:EIX) และ Northwest Bancshares (NASDAQ:NWBI)
ผลงานตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันจะพบว่า PEY ปรับตัวขึ้นมาแล้วมากกว่า 33.5% สร้างจุดสูงสุดตลอดกาลไปเมื่อเดือนพฤษภาคม มีอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาตลาดของหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) และอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาหุ้นกับมูลค่าทางบัญชี (P/B) อยู่ที่ 12.73x และ 1.66x ตามลำดับ หากสนใจกองทุนนี้ สามารถพิจารณาเข้าซื้อที่ราคาบริเวณนี้ได้เลย
2. SPDR S&P Global Dividend ETF
- ระดับราคาปัจจุบัน: $67.09
- กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์: $56.72 - $71.61
- เปอร์เซ็นต์การปันผล: 4.71%
- อัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงาน: 0.40% ต่อปี
กองทุนถัดมาที่เราอยากจะแนะนำคือ SPDR® S&P Global Dividend ETF (NYSE:WDIV) เป็นกองทุนที่เน้นกระจายลงทุนไปยังหุ้นในหลายๆ ประเทศ ที่มีอัตราการปันผลสูง คุณสมบัติข้อหนึ่งของหุ้นที่กองทุนนี้จะเลือกคือต้องสามารถเพิ่มเงินปันได้เป็นอย่างน้อย 10 ปีติดต่อกัน โดยไม่ขาด
WDIV เปิดให้เริ่มต้นลงทุนมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปี 2013 อ้างอิงราคามาจากดัชนี S&P Global Dividend Aristocrats สัดส่วนการถือครองหุ้นสามารถแบ่งออกเป็นสองแบบ แบบแรกคืออ้างอิงตามการลงทุนในแต่ละประเภท เมื่อจำแนกด้วยวิธีนี้จะพบว่า WDIV ลงทุนในแคนาดามากที่สุด 25.61% ตามมาด้วยสหรัฐฯ 23.06% ญี่ปุ่น 11.86% ฮ่องกง 8.03% และสหราชอาณาจักร 7.90%
แต่หากจำแนกเป็นตามกลุ่มหุ้น จะพบว่า WDIV แบ่งการลงทุนออกเป็นสี่กลุ่มหลักๆ ได้แก่กลุ่มการเงิน 26.52% กลุ่มสาธารณูปโภค 18.19% อสังหาริมทรัพย์ 13.07% และสินค่าฟุ่มเฟือย 10.54%
หุ้นสิบอันดับแรกของกองทุนคิดเป็น 18% ของสินทรัพย์ทั้งหมด $333.4 ล้านเหรียญสหรัฐ หุ้นชื่อดังที่กองทุนนี้ถือครองได้แก่ Smart REIT (OTC:CWYUF) Keyera Corp (TSX:KEY) Enagas (OTC:ENGGY) และ Japan Tobacco (OTC:JAPAY)
ผลงานตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันจะพบว่า WDIV ปรับตัวขึ้นมาแล้วมากกว่า 11.5% สร้างจุดสูงสุดตลอดกาลไปเมื่อเดือนมิถุนายน มีอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาตลาดของหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) และอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาหุ้นกับมูลค่าทางบัญชี (P/B) อยู่ที่ 12.50x และ 1.25x ตามลำดับ หากสนใจกองทุนนี้ สามารถพิจารณาเข้าซื้อที่ราคาบริเวณนี้ได้เลย
3. Invesco CEF Income Composite ETF
- ระดับราคาปัจจุบัน: $24.41
- กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์: $20.92 - $24.72
- เปอร์เซ็นต์การปันผล: 6.61%
- อัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงาน: 2.34% ต่อปี
กองทุน Invesco CEF Income Composite ETF (NYSE:PCEF) เป็นกองทุนที่ลงทุนในกองทุนปันผลสูง พวกเขาเลือกพิจารณาราคากองทุนจากรายได้ในการขายสัญญาออปชัน PCEF เปิดให้เริ่มต้นลงทุนมาตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี 2013 ปัจจุบันถือครองกองทุนอยู่ทั้งหมด 125 ตัว หุ้นสิบอันดับแรกของกองทุนคิดเป็น 24% ของสินทรัพย์ทั้งหมด $969.6 ล้านเหรียญสหรัฐ
กองทุนชื่อดังที่ PCEF เลือกถือครองได้แก่
- Eaton Vance Tax-Managed Global Diversified Equity Income Closed Fund (NYSE:EXG) อัตราผลตอบแทนปัจจุบัน 7.85% ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันปรับตัวขึ้นมาแล้ว 20.0%
- PIMCO Dynamic Credit Income Fund (NYSE:PCI) อัตราผลตอบแทนปัจจุบัน 9.87% ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันปรับตัวลดลง 0.1%
- Blackrock Enhanced Equity Dividend Trust (NYSE:BDJ) อัตราผลตอบแทนปัจจุบัน 5.93% ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันปรับตัวขึ้นมาแล้ว 19.4%
- Virtus Dividend Interest & Premium Strategy Fund (NYSE:NFJ) อัตราผลตอบแทนปัจจุบัน 5.65% ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันปรับตัวขึ้นมาแล้ว 18.3%
ผลงานตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันจะพบว่า PCEF ปรับตัวขึ้นมาแล้วมากกว่า 8.9% สร้างจุดสูงสุดในรอบหลายปีไปเมื่อเดือนกันยายน แม้จะเป็นกองทุนที่มีค่าอัตราใช้จ่ายต่อการดำเนินงานสูง แต่ก็เป็นกองทุนที่เก่งในเรื่องของการกระจายความเสี่ยง