ช่วงเวลาแห่งการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ของไตรมาสที่ 3 ปี 2021 ใกล้เดินทางมาถึงตอนจบแล้ว ในสัปดาห์หน้า จะมีการรายงานตัวเลขผลกำไรของบริษัทผู้ผลิตซอฟต์แวร์บนเทคโนโลยีคลาวด์
การพัฒนาของเทคโนโลยี การก้าวเข้าสู่โลกดิจิทัลมากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจซอฟต์แวร์บนคลาวด์ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นตามไปด้วย สังเกตได้จากการเติบโตของกองทุน First Trust Cloud Computing ETF (NASDAQ:SKYY) ที่ปีนี้ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 26%
ในบทความนี้ เราจะพาไปดูบริษัทผู้ผลิตซอฟต์แวร์บนคลาวด์ดาวเด่นที่จะรายงานผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 บริษัทเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่มีชื่อเสียงโด่งดังในวงการผู้ผลิตซอฟต์แวร์
1. CrowdStrike Holdings
- วันรายงานผลประกอบการ: พุธที่ 1 ธันวาคม หลังจากตลาดหลักทรัพย์ปิด
- การเติบโตของตัวเลข EPS: +25% YoY
- การเติบโตของตัวเลขผลกำไร: +56.4% YoY
- การวิ่งของราคาตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน: +23.9%
- มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด: $59,900 ล้านเหรียญสหรัฐ
บริษัท CrowdStrike Holdings (NASDAQ:CRWD) ถูกคาดหวังเป็นอย่างมากว่าจะสามารถรายงานผลกำไรที่เอาชนะตัวเลขคาดการณ์ได้อีกครั้ง บริษัทผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างนิรภัยทางไซเบอร์สามารถรายงานผลประกอบการที่เอาชนะตัวเลขคาดการณ์ได้ทุกครั้งนับตั้งแต่ IPO ในเดือนมิถุนายนปี 2019 นั่นจึงทำให้ครั้งนี้นักวิเคราะห์คาดว่า CrowdStrike จะสามารถรายงานตัวเลขอัตราผลกำไรต่อหุ้นได้ $0.10 เพิ่มขึ้น 25% จาก $0.08 ของไตรมาส 3 ปีที่แล้ว ในขณะที่กำไรนั้นคาดว่าจะออกมาอยู่ที่ $363,500 เพิ่มขึ้น 56% จากไตรมาส 3 ของปี 2020
สิ่งที่นักลงทุนจะให้ความสำคัญกับการรายงานผลประกอบการในครั้งนี้คือตัวเลขรายรับที่เกิดขึ้นซ้ำต่อปี (ARR) ซึ่งถือเป็นมาตรวัดยอดขายของบริษัทผู้ผลิตซอฟต์แวร์สำหรับให้บริการ (SaaS) ในไตรมาสที่ 2 CrowdStrike เคยคาดการณ์ว่า ARR ของพวกเขาจะเพิ่มขึ้น 70% คิดเป็น $1,340 ล้านเหรียญสหรัฐจากช่วงเวลาเดียวในปีก่อน นอกจากนี้นักลงทุนจะให้ความสนใจกับยอดผู้สมัครสมาชิก ในไตรมาสที่แล้ว CrowdStrike รายงานว่าพวกเขามีลูกค้าที่ยินยอมชำระเงินให้กับบริษัทอยู่ทั้งสิ้น 13,080 ราย คิดเป็นอัตราการเติบโตแบบปีต่อปี 81%
หุ้น CrowdStrike มีราคาปิดล่าสุดเมื่อวันอังคารอยู่ที่ $262.51 สร้างจุดสูงสุดตลอดกาลเอาไว้ในวันที่ 10 พฤศจิกายนที่ $298.48 ในปี 2020 หุ้นของ CrowdStrike ทะยานขึ้นมากกว่า 300% เพราะการหันมาพึ่งพาออนไลน์กันมากขึ้นในช่วงโควิด-19 ยิ่งทำให้องค์กรต้องการความปลอดภัยในการใช้งาน แต่เมื่อสถานการณ์เริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ปีนี้ขาขึ้นของหุ้น CrowdStrike จึงทำได้เพียง 23.9% เท่านั้น
2. Snowflake
- วันรายงานผลประกอบการ: พุธที่ 1 ธันวาคม หลังจากตลาดหลักทรัพย์ปิด
- การเติบโตของตัวเลข EPS: +82.1% YoY
- การเติบโตของตัวเลขผลกำไร: +91.5% YoY
- การวิ่งของราคาตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน: +42.8%
- มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด: $120,900 ล้านเหรียญสหรัฐ
บริษัทผู้ให้บริการสร้างพื้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ Snowflake (NYSE:SNOW) สามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์กำไรมาได้ในไตรมาสที่แล้ว ดังนั้นการรายงานผลประกอบการครั้งนี้ Snowflake จึงถูกคาดหวังว่าจะสามารถรักษาสถิติเดิมเอาไว้ได้อีกครั้ง นักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลข EPS ของ Snowflake จะลดลงจาก $0.28 ลงมาเป็น $0.05 แต่คาดการณ์ว่ากำไรนั้นจะเติบโตขึ้น 91.5% คิดเป็นมูลค่า $305,600 ล้านเหรียญสหรัฐ
เพราะความต้องการซอฟต์แวร์ที่เข้ามาช่วยจัดการเก็บข้อมูลเอาไว้บนคลาวด์มีมาก จึงทำให้นักลงทุนต้องการเห็น Snowflake รายงานตัวเลขยอดผู้ใช้งานจริงในปัจจุบัน เพื่อนำไปคาดการณ์การเติบโตของบริษัทในอนาคต ในไตรมาสที่ 2 บริษัท Snowflake เคยรายงานเอาไว้ว่ามีผู้ใช้งานจริงอยู่ทั้งหมด 4,990 ราย ปรับตัวเพิ่มขึ้น 60% จากไตรมาสที่ 2 ปี 2020 และสิ่งที่นักลงทุนจะให้ความสนใจอีกอย่างหนึ่งคือตัวเลข ARR ที่ไตรมาส 2 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 107% สร้างมูลค่ามากกว่า $1 ล้านเหรียญสหรัฐ
หุ้น Snowflake มีราคาปิดล่าสุดเมื่อวันอังคารอยู่ที่ $401.89 สร้างจุดสูงสุดตลอดกาลเอาไว้ในเดือนธันวาคม ที่ $428.68 ในปี 2020 ตั้งแต่ต้นปี 2021 มาจนถึงปัจจุบัน ราคาหุ้นของ Snowflake ได้ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 42.8% สูงกว่ากำไรที่ทำได้จากดัชนีดาวโจนส์และเอสแอนด์พี 500 อยู่พอสมควร
3. DocuSign
- วันรายงานผลประกอบการ: พฤหัสบดีที่ 2 ธันวาคม หลังจากตลาดหลักทรัพย์ปิด
- การเติบโตของตัวเลข EPS: +109.1% YoY
- การเติบโตของตัวเลขผลกำไร: +39.1% YoY
- การวิ่งของราคาตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน: +20.4%
- มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด: $52,600 ล้านเหรียญสหรัฐ
นักวิเคราะห์เชื่อว่าบริษัทผู้ทำให้การเซ็นลายเซ็นออนไลน์กลายเป็นที่ยอมรับขึ้นมาในสังคมอย่าง DocuSign (NASDAQ:DOCU) จะสามารถรายงานผลประกอบการที่มีการเติบโตได้อีกครั้ง พวกเขาคาดว่า EPS ของ DocuSign จะปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก $0.22 กลายเป็น $0.46 ในขณะที่ตัวเลขผลกำไรนั้นคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 39% เป็น $532,600 ล้านเหรียญสหรัฐ
ในช่วงการระบาดของโควิด-19 ผลิตภัณฑ์ของ DocuSign ถือเป็นที่ต้องการอย่างแพร่หลาย แต่เมื่อสถานการณ์เริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ ผู้คนเริ่มกลับมารวมกลุ่ม ทำงานที่ออฟฟิศเหมือนเดิมอีกครั้ง นักลงทุนจึงอยากรู้ว่าบริษัทจะมีแนวทางรักษาลูกค้าและกำไรเอาไว้ได้อย่างไร ในไตรมาสที่ 2 DocuSign เคยรายงานเอาไว้ว่าพวกเขามีลูกค้าที่สมัครสมาชิกรายปีอยู่ทั้งหมด 714 ราย คิดเป็นเงินมูลค่ามากกว่า $300,000 ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้น 37% จากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้า
นอกจากนี้ สิ่งที่นักลงทุนต้องการจะได้ยินจาก DocuSign คือภาพรวมการประเมินสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปีหน้า ว่าจะส่งผลกระทบในเชิงบวกหรือลบกันบริษัทมากกว่ากัน ล่าสุดหุ้น DocuSign มีราคาปิดเมื่อวันอังคารอยู่ที่ $267.74 สร้างจุดสูงสุดตลอดกาลเอาไว้ในวันที่ 3 เดือนกันยายนที่ $314.70 ตลาดทั้งปี 2021 ราคาหุ้นของ DocuSign ปรับตัวขึ้นมาแล้วประมาณ 20% พวกเขายังคงถูกมองให้เป็นแนวหน้าในเรื่องของการเซ็นสัญญาผ่านรูปแบบออนไลน์