รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

คาด SET สัปดาห์นี้ฟื้นตัว แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องระวัง

เผยแพร่ 08/11/2564 09:33
อัพเดท 09/07/2566 17:32

Investment Ideas: • ภาพรวมการลงทุน - เราคาดว่า SET สัปดาห์นี้ (8 ถึง 12 พ.ย.) จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,605-1,650 จุด

SET สัปดาห์ที่ผ่านมาทรงตัว ปิดที่ 1,626.22 จุด เพิ่มขึ้น 2.79 จุด (+0.17%) โดยมีปริมาณการซื้อเฉลี่ย ต่อวันอยู่ที่ 76,911 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.4% จากสัปดาห์ก่อน โดยภาพรวมการลงทุนกลับมาให้น้ําหนัก หุ้นในกลุ่ม Domestic play ตามที่เราคาด โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า และกลุ่มธนาคาร รวมไปถึง หุ้นในกลุ่ม Re-Opening ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ประเด็นที่น่าติดตามสัปดาห์นี้อยู่ที่ การประชุม กนง. วันที่ 10 พ.ย. การปรับน้ําหนัก MSCI Rebalance วันที่ 11 พ.ย. (มีผล 30 พ.ย.) รวมไปถึงการปรับ เกณฑ์ที่จะใช้ใน SET50 และ SET100 กลยุทธ์การลงทุน แม้เราเชื่อว่า SET ยังมี momentum ที่เป็นบวกจากเฟด และ BoE ไม่ได้ส่งสัญญาณการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่เรายังคงให้น้ําหนัก การถือเงินสด 50% เลือกหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการปรับลดลงของ Bond Yield เราเลือก GPSC BGRIM และ GULF และหุ้นที่ได้ประโยชน์โดยตรงจากมาตรการภาครัฐฯ (เปิดประเทศ และคลายล็อกดาวน์) เราเลือก CBG CPALL (BK:CPALL) BJC AMATA WHA AOT (BK:AOT) BAFS AAV BEM และ ERW ติดตามการประชุม กนง. (10 พ.ย.) คาดยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้เท่าเดิม - ติดตามการประชุม คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) วันที่ 10 พ.ย. เราคาดว่า กนง. จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.5% จากมุมมองที่เป็นบวกต่อกําลังซื้อในประเทศที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในช่วงที่เหลือของปี 2564 ต่อเนื่องถึงปี 2565 โดยได้รับปัจจัยบวกจาก (1) การเร่งฉีดวัคซีนที่เพิ่มมากขึ้น โดย ศบค. ประเมินว่าประชากรไทยจะ ได้รับวัคซีนครบโดสมากกว่า 70% ไม่เกินต้นปี 2565 ลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 (2) มาตรการของภาครัฐในการเปิดประเทศ และผ่อนคลายล็อกดาวน์ กระตุ้นการลงทุนและการบริโภคใน ประเทศ รวมไปถึงการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น และภาคการท่องเที่ยวที่ถูกคาดหมายจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป อย่างไรก็ตามแม้จะมีปัจจัยบวกหนุนการฟื้นตัวของภาพรวมเศรษฐกิจ แต่สถานการณ์โควิด-19 ทั้งในและ ต่างประเทศยังถือว่ามีความไม่แน่นอนสูง ทําให้เราคาดว่า กนง. จะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.5% รวมไปถึงคงประมาณการ GDP ในปี 2564 ขยายตัว 0.7% และปี 2565 ขยายตัว 3.9% Valuation น่าสนใจ แต่ต้องระวังท่าทีของสหรัฐฯ แนะนําเพียงเก็งกําไร - ราคาน้ํามันดิบกลับมาฟื้นตัว หลังราคาหุ้นสะท้อนความกังวลต่อภาพอุปทานที่จะทยอยปรับเพิ่มอย่างค่อยเป็นค่อยไป ขณะที่ความ ต้องการใช้น้ํามันดิบที่แข็งแกร่งในระยะสั้น จากผลของ Seasonal Demand ทําให้เรากลับมาแนะนําลงทุน หุ้นในกลุ่ม Oil play อีกครั้ง จาก Valuation ที่น่าสนใจ โดยเลือก PTTEP เป็นหุ้นเด่น รวมไปถึง TOP SPRC และ PTTGC อย่างไรก็ตามเราให้น้ําหนักการลงทุนเป็นลักษณะของการเก็งกําไรเท่านั้น จากอุปทานในระยะ กลาง (3-6 เดือนข้างหน้า) ที่จะทยอยปรับเพิ่ม ทั้งจากมติ OPEC+ ที่จะมีการเพิ่มกําลังผลิต 4 แสนบาร์เรล ต่อวัน ในเดือน พ.ย. และ ธ.ค. ซึ่งจะทําให้ Demand ส่วนเกินแคบลง รวมไปถึงต้องติดตามการเจรจา ข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2558 ในวันที่ 29 พ.ย. หากมีการยกเลิกมาตรการคว่ําบาตรต่ออิหร่าน และทําให้อิหร่าน สามารถกลับมาส่งออกน้ํามันดิบเพิ่ม ไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน และแผนการเพิ่มกําลังผลิตของกลุ่ม non-OPEC ในปี 2565 ที่คาดว่าจะอยู่ในระดับ 1-3 ล้านบาร์เรลต่อวัน รวมไปถึงท่าทีของสหรัฐฯ ที่อาจมีการ ปล่อยน้ํามันสํารองในคลังยุทธศาสตร์ (SPR) รวมไปถึงเครื่องมืออื่นในการจํากัดการเพิ่มขึ้นของราคาน้ํามันดิบ บทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานวันนี้ - Earnings Results: GPSC

Earnings Results: GPSC (ชื่อ, ราคาเป้าหมาย 98 บาท) รายงานกําไรสุทธิ 3Q64 ลดลงทั้ง QoQ และ YoY - กําไรสุทธิ 3Q64 อยู่ที่ 1,875 ล้านบาท ลดลงทั้ง QoQ และ YoY รับรู้ส่วนแบ่งกําไรจากไซยะบุรีเพิ่ม มีปันผลจาก RPC แต่กําไรของธุรกิจ SPP และ IPP ลดลงจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้น และการหยุดซ่อมนอก แผน แนวโน้ม 4Q64 กําไรปกติอ่อนตัว แต่มีรายได้เงินประกัน ชดเชย โครงการ IPP Phase 5 ที่หยุดซ่อม นอกแผน จะกลับมาผลิตไฟฟ้าได้ ก.พ. 65 ยังมีมุมมองเป็นบวก จาก Megawatt Growth ที่เพิ่มระยะยาว หนุนการเติบโตของผลประกอบการ รายงานตัวเลขทางด้านเศรษฐกิจที่สําคัญ - กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงาน ตัวเลขการจ้างงานนอกภาค เกษตร ในเดือน ต.ค. เพิ่มขึ้น 531,000 ตําแหน่ง สูงกว่าที่ Market Consensus คาดไว้ที่ 450,000 ตําแหน่ง และเพิ่มขึ้นจากเดือน ก.ย. ที่เพิ่มขึ้น 312,000 ตําแหน่ง ด้านอัตราการว่างงาน เดือน ต.ค. ปรับตัวลงสู่ระดับ 4.6% (คาด 4.7%) และลดลงจากเดือน ก.ย. ที่ 4.8%

นี่คือโฆษณาของบุคคลที่สาม ไม่ใช่ข้อเสนอหรือคำแนะนำจาก Investing.com ดูการเปิดเผยข้อมูลที่นี่หรือ หรือลบโฆษณา

• มุมมองทางเทคนิค - เราคาดว่า SET Index วันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,615-1,640 จุด / หุ้นแนะนําปัจจัยทางเทคนิค BM CENTEL และ SFLEX

บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย