Investment Ideas:
ภาพรวมการลงทุน - เราคาดว่า SET วันนี้ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,600-1,625 จุด เราคาดว่า SET จะยังมีแรงกดดันต่อเนื่องจากปัจจัยต่างประเทศ (1) แผนการปรับลด QE (2) การคาดหมายการปรับขึ้น อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลัก โดยเฉพาะ BoE ที่จะมีการประชุมวันนี้ (4 พ.ย.) และ (3) ราคาน้ํามันดิบที่ปรับลดลง จากความกังวลด้านอุปทานที่เพิ่มขึ้น ติดตามการประชุม OPEC+ (4 พ.ย.) ขณะที่ปัจจัยในประเทศ หุ้นขนาดกลาง-ขนาดเล็ก ยังเคลื่อนไหวผันผวนเนื่องจาก ปัจจุบัน ก.ล.ต. อยู่ระหว่างการเปิดรับฟังความเห็น เพื่อปรับปรุงเกณฑ์ Cash Balance (ระหว่างวันที่ 1-12 พ.ย.) ทําให้ยังคงมีการชะลอการลงทุน เพื่อรอดูความชัดเจน กลยุทธ์การลงทุนเรายังแนะนํา ลดพอร์ตการลงทุน เพื่อลดความความเสี่ยงในการลงทุนที่เพิ่มขึ้น (น้ําหนักหุ้นในพอร์ต 50%) โดยเรายัง แนะนําหุ้นในกลุ่ม Domestic Play เป็นหลัก เราเลือก CBG CPALL (BK:CPALL) BJC AMATA WHA AOT (BK:AOT) BAFS AAV BEM และ ERW ผลประชุม FOMC คงดอกเบี้ยนโยบาย มีความชัดเจนเรื่องการลด QE ตามคาด - ผลการประชุม คณะกรรมการกําหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ล่าสุดมี 2 ประเด็นที่น่าสนใจ (1) เฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% และ (2) เฟดประกาศแผนการปรับลดวงเงินใน โครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เดือนละ 15,000 ล้านเหรียญ จากวงเงินเดิม ที่ 120,000 ล้านเหรียญต่อเดือน เริ่มตั้งแต่ เดือน พ.ย. เป็นไปตามที่ Market Consensus คาดหมาย โดยจะ เป็นการปรับลดวงเงินซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เดือนละ 10,000 ล้านเหรียญ (วงเงินเดิม 80,000 ล้าน เหรียญต่อเดือน) และปรับลดวงเงินซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจํานอง (MBS) เดือนละ 5,000 ล้านเหรียญ (วงเงินเดิม 40,000 ล้านเหรียญต่อเดือน) ซึ่งจะทําให้โครงการ QE ของสหรัฐฯ สิ้นสุดลง พ.ค. 65 แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย มีน้ําหนักที่เพิ่มต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ เร็วกว่าที่เราคาดไว้โดย FedWatch Tool ระบุความเป็นไปได้ที่เพิ่มขึ้น โดยเฟดมีแนวโน้มถึง 51.2% ที่จะ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ภายใน มิ.ย. 65 (เราคาดขึ้นดอกเบียครั้งแรก 4Q65) รวมทั้งความเป็นไปได้ที่ เพิ่มขึ้นอีก 0.25% ในช่วง 4Q65 เพิ่มน้ําหนักต่อการที่เฟดจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปี 2565 เรามองเป็นลบต่อภาพรวมการลงทุนในตลาดเอเซีย ติดตามการประชุม BoE วันนี้ (4 พ.ย.) คาดจะมติปรับเพิ่มอัตราดอกเบีย - ติดตามการประชุม ธนาคารกลาง อังกฤษ (BoE) ซึ่งจะเป็นธนาคารกลางแห่งแรกในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ที่จะทําการปรับขึ้น อัตราดอกเบี้ยนโยบายนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปี 2563 โดยก่อนหน้านี้ Market Consensus ประเมิน BoE จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.1596 และ 0.25% ตามลําดับ ในการประชุม นโยบายการเงินเดือน พ.ย. และ ธ.ค. รวมทั้งจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 3 ครั้ง ในปี 2555 ทําให้อัตรา ดอกเบี้ยนโยบายจะอยู่ที่ 1.25% ภายในสิ้นปี 2565 หลังผู้ว่าการ BoE ส่งสัญญาณ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อรองรับผลกระทบจากเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ BoE คาดว่าเงินเฟ้อในอังกฤษ จะเพิ่มขึ้นเหนือระดับ 4% ภายในสิ้นปี 2564 (สูงกว่าเป้าหมายของ BoE ที่ 26)
• ราคาน้ํามันดิบถูกกดดันจากอุปทานที่เริ่มทยอยปรับเพิ่ม เรามองเป็นลบต่อหุ้นในกลุ่ม Oil play ทั้งกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี - สํานักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานปริมาณสํารอง น้ํามันดิบสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 3.3 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่ผ่านมา มากกว่าที่ Market Consensus คาดจะ เพิ่มขึ้นเพียง 3 แสนบาร์เรล รายงานดังกล่าวสอดคล้องกับที่สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่ม อุตสาหกรรมน้ํามันของสหรัฐฯ รายงานก่อนหน้านี้ว่าปริมาณสํารองน้ํามันดิบสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 3.6 ล้านบาร์เรล ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ด้าน EIA ยังระบุปริมาณสํารองน้ํามันดิบ ณ เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบ สัญญาน้ํามันดิบล่วงหน้าของสหรัฐฯ ลดลง 900,000 บาร์เรล ส่วนปรมาณสํารองน้ํามันเบนซินลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล (คาดลดลง 900,000 บาร์เรล) และปริมาณสํารองน้ํามันดีเซล เพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล (คาด ลดลง 1.5 ล้านบาร์เรล) ติดตามการประชุมของกลุ่ม OPEC+ วันนี้ (4 พ.ย.) เราคาดว่า OPEC+ จะยังมีมติ เพิ่มกําลังผลิตน้ํามันเพียง 400,009 บาร์เรลต่อวัน ในเดือน ธ.ค. แม้หลายประเทศ อย่าง สหรัฐฯ และอินเดีย ต้องการให้กลุ่ม OPEC+ ปรับเพิ่มกําลังผลิตมากกว่ามติ เพื่อชะลอการปรับเพิ่มของราคาน้ํามัน ภาพรวมเรามีมุมมองเป็นลบต่อหุ้นในกลุ่ม Oil play ทั้งกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี , • รายงานตัวเลขทางด้านเศรษฐกิจที่สําคัญ - ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์
รายงานภาวะการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐฯ เดือน ต.ค. เพิ่มขึ้น 571,000 ตําแหน่ง มากกว่าที่ Market Consensus คาดไว้ที่ 395,000 ตําแหน่ง / ไอเอชเอส มาร์กิต รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหรัฐฯ เดือน ต.ค. อยู่ที่ 58.7 จุด / กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ รายงานคําสั่งซื้อ ภาคโรงงานของสหรัฐฯ ในเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 0.2% สูงกว่าที่ Market Consensus คาดว่าจะทรงตัว (เพิ่มขึ้น 0%) หลังจากเดือน ส.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 1,06 มุมมองทางเทคนิค - เราคาดว่า SET Index วันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,600-1,625 จุด / หุ้นแนะนําปัจจัย ทางเทคนิค: ITEL HTECH และ BJC
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities