รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

ถึงแม้ว่าบิทคอยน์ ETF จะไม่ใช่การลงทุนในคริปโตฯ จริงๆ แต่ก็ถือว่าใกล้เคียง

เผยแพร่ 29/10/2564 14:06
อัพเดท 09/07/2566 17:31

เมื่อวันอังคารที่ 19 ตุลาคมที่ผ่านมาถือเป็นหนึ่งหมุดหมายสำคัญทางประวัติศาสตร์การลงทุนในบิทคอยน์ว่าโลกได้ยอมรับสกุลเงินดิจิทัลมากไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว เพราะการซื้อขายบิทคอยน์ผ่านกองทุน ETF ได้เกิดขึ้นครั้งแรกบนตลาด NYSE ภายใต้ชื่อกองทุนว่า ProShares Bitcoin Strategy ETF (NYSE:BITO) ในขณะที่ BITO มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $40.89 ตอนนั้นเองที่บิทคอยน์ฟิวเจอร์สมีราคาซื้อขายอยู่ที่ $61,905

อีกหนึ่งกองทุน ETF ที่เปิดตัวในระยะเวลาใกล้เคียงกันกับ BITO คือกองทุน Valkyrie Bitcoin Strategy ETF (NASDAQ:BTF) กองทุนนี้เปิดให้เริ่มต้นลงทุนได้เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม มีราคาเปิดอยู่ที่ $25.50 ซึ่งยังคงเป็นจุดสูงสุดตลอดกาลในปัจจุบัน เพราะตอนนี้ BTF ได้ปรับตัวลดลงมามากกว่า 7.5% มีราคาซื้อขายล่าสุดอยู่ที่ $23.50 โดยประมาณ

หากเราเป็นคนนอกที่มองเข้ามา เราอาจจะคิดว่าการเปิดตัวบิทคอยน์ ETF จะทำให้ผู้คนสามารถเข้าถึงบิทคอยน์ได้ง่ายขึ้น ซึ่งก็ต้องตอบว่าเป็นความจริง แต่ก็ไม่ถูกต้องทั้งหมด ก่อนอื่นต้องขอบอกก่อนว่ากองทุน ETF นี้ไม่ได้ถือของสกุลเงินดิจิทัลโดยตรง พวกเขาอ้างอิงจากการซื้อขายสัญญาบิทคอยน์บนตลาดฟิวเจอร์สเป็นหลัก ดังนั้นความเคลื่อนไหวของราคาจะไม่ได้เป็นไปตามตลาดสปอต สำหรับตอนนี้นี่คือวิธีเดียวที่ กลต. ของสหรัฐอเมริกาจะอนุญาตให้ลงทุนในบิทคอยน์ได้

เมื่อเป็นการลงทุนบนตลาดฟิวเจอร์สอีกที ประกอบการการถือครองบิทคอยน์นั้นต่างจากสินทรัพย์อื่นๆ ตรงที่มันไม่เคยมีตัวตนให้สัมผัสได้จริง การซื้อกองทุนบิทคอยน์ ETF ผ่านตลาดฟิวเจอร์สจึงเป็นเหมือนการอนุมานอากาศขึ้นมาให้มีค่า และเป็นสิ่งที่ยังคงถูกวิพากษ์วิจารณ์อยู่เสมอเมื่อต้องถูกนำไปเทียบกับกองทุนทองคำจริงๆ อย่างเช่น SPDR® Gold Shares ETF (NYSE:GLD)

แต่สำหรับคนที่เชื่อในมูลค่าของบิทคอยน์ไปแล้ว พวกเขาไม่มามัวเสียเวลาตั้งคำถามกับเรื่องเหล่านี้ ตอนนี้พวกเขากำลังสนใจว่าเป็นไปได้ไหมที่บิทคอยน์จะสามารถวิ่งขึ้นถึง $100,000 ภายในสิ้นปีนี้ เพราะพฤติกรรมบางอย่างของราคาสอดคล้องการทำประวัติศาสตร์ใหม่ของบิทคอยน์อยู่ตลอด ในปี 2017 ตอนนี้ที่มีบิทคอยน์ฟิวเจอร์สครั้งแรก ตอนนั้นเราก็ได้เห็นจุดสูงสุดตลอดกาลที่ $20,000 ตอนที่ ‘คอยน์เบส’ (NASDAQ:COIN) เปิดตัวในวันที่ 14 เมษายน บิทคอยน์ก็ทะยานขึ้นสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลที่ $65,000 และครั้งนี้ ที่มีการเปิดตัวกองทุน ETF บิทคอยน์จะสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลใหม่เหมือน $67,000 ได้หรือไม่

กองทุนบิทคอยน์ฟิวเจอร์สตัวแรก

ในตอนที่เปิดตัวกองทุน ProShares Bitcoin Strategy ETF พวกเขาได้นิยามตัวเองเอาไว้ในรูปด้านล่างนี้BITO Fund Summary

BITO เปิดตัวได้อย่างสวยงามด้วยจำนวนสินทรัพย์ภายใต้การจัดการรวมทั้งหมด $1,224 ล้านเหรียญสหรัฐ มีอัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงานอยู่ที่ 0.95% ต่อปี

กลต. สหรัฐฯ สามารถเฝ้าดูและตรวจสอบตลาดแห่งนี้ได้ตลอดเวลา

คณะกรรมาธิการการซื้อขายสินค้าโภคภัณฑ์แห่งสหรัฐอเมริกา (CFTC) เคยอนุมัติให้มีการซื้อขายบิทคอยน์ฟิวเจอร์สได้ในปี 2017 และในปี 2021 CFTC ก็ได้อนุญาตให้ CME สามารถลิสต์อีเธอเรียมฟิวเจอร์สขึ้นกระดารเทรดได้เช่นกัน

ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ (SEC) หรือ กลต. ของสหรัฐอเมริกาก็ได้ตรวจสอบ ETF สำหรับบิทคอยน์และอีเธอเรียมมาโดยตลอด รู้หรือไม่ว่าแกรี่ เก็นสเลอร์ ประธาน SEC คนปัจจุบันเคยเป็นประธานของ CFTC มาก่อน ดังนั้นเขาจึงรู้ดีว่าอะไรคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับการลงทุนในตลาดสกุลเงินดิจิทัลแบบถูกกฎหมาย 100% ในตอนนี้ การอนุญาตให้มี ETF สำหรับบิทคอยน์และอีเธอเรียมก็ถือได้ว่าเป็นความท้าทายหนึ่งของ SEC

สิ่งที่เป็นประเด็นให้สกุลเงินดิจิทัลถูกโจมตีอยู่ตลอดคือความสามารถในการรักษาความปลอดภัย ต้องยอมรับว่าการเติบโตของตลาดสกุลเงินดิจิทัลนั้นทำให้ความต้องการทำแรนซัมแวร์ หรือเรียกค่าไถ่ผ่านระบบดิจิทัลมีมากขึ้น หากจะเปรียบว่าโลกคริปโตฯ ตอนนี้เหมือนยุคคาวบอยที่ผู้คนไปไหนก็ต้องพกปืนไปเอง ยิงกันเอง รับผิดชอบกันเอง ก็คงจะไม่ผิดนัก

การอนุมัติให้มีกองทุน ETF สำหรับบิทคอยน์ถือเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว นกตัวแรกคือการดึงให้คนที่สนใจในบิทคอยน์แต่ไม่กล้าจะเสี่ยงเองได้เข้ามาลงทุนในโลกแห่งนี้มากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ไม่ต้องกลัวว่าจะเป็นนักลงทุนเถื่อน เพราะมี กลต. รองรับอยู่แล้ว ถึงแม้ว่า BITO จะไม่ใช่การลงทุนในตลาดสปอตโดยตรง แต่การเคลื่อนไหวของราคาก็ต่างกันเพียง 5.8% ระหว่างตลาดฟิวเจอร์สกับสปอตเท่านั้น

นกตัวที่สองคือลดแรงเสียดทานจากฝั่งผู้ศรัทธาบิทคอยน์ที่อยากเห็นตลาดแห่งนี้เป็นอิสระ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่อยากถูกควบคุม แต่ลึกๆ แล้วก็อยากเห็น ETF บิทคอยน์ประสบความสำเร็จเช่นเดียวกับ SPDR Gold Trust ETF ที่มีทองคำอยู่จริงและไม่ใช่อนุพันธ์ของฟิวเจอร์ส และที่สำคัญที่สุด หรือจะมองว่าเป็นนกตัวที่สามก็ได้คือ การเปิดกองทุน ETF ถือเป็นการดึงนักลงทุนจากที่มืดเข้าสู่ที่สว่างมากขึ้น

ผู้นำสแควร์กำลังเดินหน้าแก้ไขปัญหาเรื่องเหมืองบิทคอยน์อย่างจริงจัง

แจ็ค ดอร์ซีย์ CEO ของบริษัทสแควร์ (NYSE:SQ) และผู้ร่วมก่อตั้งทวิตเตอร์ (NYSE:TWTR) กล่าวว่าตอนนี้เขากำลังมุ่นมั่งกับการสร้างระบบขุดเหมืองบิทคอยน์ใหม่ โดยใช้ซอฟต์แวร์เป็นแกนหลักในการขุดเหมืองของผู้ใช้งานบิทคอยน์ ในวันที่ 15 ตุลาคม เขาได้ทวีตข้อความตามรูปด้านล่างนี้

Dorsey Tweet

ที่มา: TechTimes

คนที่ติดตามข่าวสารเกี่ยวกับบิทคอยน์จะทราบดีว่าแจ็คเป็นคนที่สนับสนุนบิทคอยน์และการใช้สกุลเงินดิจิทัลเป็นอย่างมาก เขาถึงกับกล่าวว่าสกุลเงินดิจิทัลถือเป็นสกุลเงินของโลกอินเตอร์เน็ต เขาถึงกับมองว่าสกุลเงินดิจิทัลคือทางออกของระบบรักษาความปลอดภัยทางการเงิน และสามารถนำไปใช้ได้ตั้งแต่ระดับรัฐบาลไล่ลงมาถึงธุรกิจขนาดเล็ก

แจ็คมีความเชื่อว่าสกุลเงินดิจิทัลจะสามารถเชื่อมโลกทั้งใบเข้าหากันได้ พร้อมยังกล่าวโทษระบบการเงินในปัจจุบันว่าเป็นสาเหตุที่กำลังจะทำให้เกิดเงินเฟ้อรุนแรง (Hyperinflation) และเงินเฟ้อรอบนี้จะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของมนุษย์ให้ไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้

หากสแควร์ประสบความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาการดูแลและความปลอดภัย สแควร์อาจจะสามารถรับการลงทุนบิทคอยน์ ETF ได้ ไม่แตกต่างจากแพลตฟอร์มการลงทุนสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ ETF นำเสนอทางเลือกการลงทุนทางเลือกให้กับบุคคลผ่านบัญชีตลาดหุ้น และขยายกลุ่มเป้าหมายสำหรับการลงทุนและกิจกรรมการซื้อขายในตลาดหุ้น

พฤติกรรมความเคลื่อนไหวของ BITO ในปัจจุบัน

พฤติกรรมการวิ่งของ BITO ทันทีที่เปิดให้ทำการซื้อขาย สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการลงทุนในตลาดคริปโตฯ ผ่านกองทุน ETF โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงนี้ที่บิทคอยน์ยังถือว่าอยู่ในช่วงขาขึ้น การได้ลงทุนในบิทคอยน์ด้วยความเสี่ยงที่ลดลง ต่อให้เป็นนักลงทุนที่ไม่ได้เห็นด้วยกับสกุลเงินดิจิทัลก็คงต้องขาแบ่งเงินบางส่วนมาลงทุนกันบ้าง

ในวันที่ 19 ตุลาคม ราคาบิทคอยน์ฟิวเจอร์สมีราคาเปิดที่ $61,905 ปรับตัวขึ้นไปทำจุดสูงสุดใหม่ที่ $67,680 ในวันที่ 20 ตุลาคม ก่อนที่จะลงมาทำจุดต่ำสุดที่ $60,210 ในวันที่ 22 ตุลาคม ล่าสุดเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $62,000 เท่ากับว่าจากจุดสูงสุดในวันที่ 20 ตุลาคม ถึงจุดต่ำสุดในวันที่ 22 ตุลาคม บิทคอยน์ฟิวเจอร์สปรับตัวลดลงมา 11.04% ด่อนที่จะฟื้นตัวกลับขึ้นมา 2.97% ในวันที่ 28 ตุลาคม ในขณะที่กำลังเขียนบทความนี้อยู่ ราคาซื้อขายบิทคอยน์ฟิวเจอร์สมีราคาอยู่ที่ $60,187BITO Daily

นี่คือโฆษณาของบุคคลที่สาม ไม่ใช่ข้อเสนอหรือคำแนะนำจาก Investing.com ดูการเปิดเผยข้อมูลที่นี่หรือ หรือลบโฆษณา

ที่มา: Barchart

เมื่อนำช่วงเวลาเดียวกันนั้นมาเทียบกับกราฟ BITO จะพบว่าในวันที่ 19 ตุลาคม BITO มีราคาเปิดอยู่ที่ $40.88 ขึ้นไปทำจุดสูงสุดในวันที่ 20 ตุลาคมที่ $43.95 ก่อนที่จะลงมาทำจุดต่ำสุดในวันที่ 22 ตุลาคมที่ $38.90 เท่ากับว่าในช่วงระหว่างวันที่ 19-22 ตุลาคมนั้น BITO สามารถวิ่งขึ้นไป 7.51% ก่อนที่จะปรับตัวลดลงมาประมาณ 11.5% และสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้ 2.98%

ส่วนกราฟรูปนี้นั้นแสดงให้เห็นปริมาณการซื้อขายผ่าน BITO ในช่วงสองวันแรกที่กองทุน ETF นี้เปิดตัวที่เกือบถึง 20 ล้านหุ้นในวันที่ 20 ตุลาคม ก่อนที่จะปรับตัวลดลงมาตามราคาบิทคอยน์ฟิวเจอร์ส อย่างที่ได้บอกไปก่อนหน้านี้แล้วว่า BITO ไม่ใช่ราคาที่แท้จริงของบิทคอยน์ แต่ทั้ง BITO และบิทคอยน์สฟิวเจอร์สเป็นเพียงตราสารอนุพันธ์ที่อ้างอิงกับราคาบิทคอยน์จริงเท่านั้น

คำว่าอ้างอิงนี้มีความแตกต่างจากตลาดจริงอยู่พอสมควร ในขณะที่บิทคอยน์สามารถลงทุนได้ตลอด 24 ชั่วโมง เสาร์ อาทิตย์ ก็ไม่เว้น แต่บิทคอยน์ฟิวเจอร์สและ ETF มีเวลาทำการซื้อขายเฉพาะเมื่อตลาดลงทุนฝั่งอเมริกาเปิดทำการ หากจะพูดสั้นๆ ก็คือบิทคอยน์ฟิวเจอร์สคือตัวแทนที่อ้างอิงบิทคอยน์จริง BITO คือตัวแทนที่อ้างอิงจากผู้อ้างอิงอื่นมาอีกที

อันที่จริงการเดินทางระหว่าง BITO และแจ็ค ดอร์ซีย์นั้นมีเป้าหมายเดียวกัน แม้จะเดินกันคนละเส้นทาง BITO คือการทำให้การลงทุนในบิทคอยน์กลายเป็นสิ่งที่เข้าถึงง่ายมากขึ้น และสะอาดโปร่งใส 100% ในขณะที่ระบบที่แจ็คพยายามทำคือการทำให้ระบบกลไกของบิทคอยน์สามารถอยู่ในสายตาของรัฐบาลได้แต่ไม่มีอำนาจเข้ามาแทรกแซงกลไกภายใน แต่สุดท้ายแล้ว ภาครัฐจะยอมให้บิทคอยน์ได้มากแค่ไหน ขีดจำกัดของเสรีภาพแท้จริงแล้วมีหน้าตาอย่างไร ในฐานะผู้เฝ้ามอง เราคงยังต้องจับตาดูกันต่อไป

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย