Investment Ideas:
ภาพรวมการลงทุน - เราคาดว่า SET วันนี้ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,630-1,650 จุด SET วานนี้ (14 ต.ค.) ซื้อขายในกรอบแคบๆ จากความกังวลต่อการประกาศผลประกอบการ 3Q64 และสถิติจํานวน ผู้ติดเชื้อ จํานวนผู้เสียชีวิต ที่ปรับเพิ่ม ทําให้เกิดแรงขายหุ้นในกลุ่ม Re-opening อย่างไรก็ตาม มิติ ศบค. จะยังคงเดินหน้าแผนเปิดประเทศ 1 พ.ย. หนุนหุ้นในกลุ่ม Re-opening โดยเรายังแนะนํา ในลักษณะ Selective เลือก AOT (BK:AOT) BAFS AAV ERW SHR BEM และ WHA รวมไปถึงหุ้นในกลุ่ม Earnings Play และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากกําลังซื้อในประเทศฟื้นตัว ปัจจัยบวกต่างประเทศยังได้รับ แรงหนุนจากราคาน้ํามั่นดิบที่ฟื้นตัว เรายังคงมุมมองเป็นบวกต่อ oil play เช่นเดิม โดยเราเลือก PTTEP เป็นหุ้นเด่น ขณะที่ธุรกิจการกลั่นเราให้น้ําหนักเพียงเก็งกําไร จาก Valuation ที่เริ่มจํากัด กลยุทธ์การ ลงทุน เรายังให้น้ําหนักหุ้นในกลุ่ม Domestic สัดส่วน 70% (เน้นลงทุน) และ Global play สัดส่วน 30% (เน้นเก็งกําไร) ผลประชุม ศบค. ตามคาดยังหนุน Re-opening - 6 ประเด็นสําคัญ ที่ได้จากการประชุม (1) กําหนดกลุ่ม ประเทศเสียงต่ําเบื้องต้น ได้แก่ อังกฤษ สหรัฐฯ เยอรมนี สิงคโปร์ จีน ที่เหลือรอพิจารณาเพิ่มเติม (2) เปิดพื้นที่รับนักท่องเที่ยวเป็น 17 จังหวัด ในช่วง 1 ถึง 30 พ.ย. ก่อนเพิ่มอีก 16 จังหวัด ใน ธ.ค. 64 (3) ลดพื้นที่สีแดงเข้มเหลือ 23 จังหวัด / สีแดงเหลือ 30 จังหวัด (4) ปรับเวลาเคอร์ฟิวเป็น 5 ทุ่มถึงตี 3 เริ่ม 16 ต.ค. (5) ให้ร้านสะดวกซื้อ-ตลาดสด-ตลาดนัด เปิดให้ได้ถึง 4 ทุ่ม / ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ เปิดพื้นที่ เพิ่ม แต่ยังยกเว้นสวนน้ํา-สวนสนุก / คลายล็อกจัดงานแสดงสินค้า-ศูนย์ประชุม-จัดนิทรรศการได้ไม่เกิน 500 คน / สนามกีฬาทุกประเภท-สวนสาธารณะเปิดได้ตามปกติแต่ไม่เกิน 4 ทุ่ม / ปรับเพิ่มความจุรถขนส่ง สาธารณะจากเดิมคุมไว้ที่ 75% และ (6) สบค. มีมติให้ สธ.ทําแผนจัดหายา "โมลนูพิราเวียร์" จํานวน 5 หมื่น คอร์ส นําเสนอ ครม. ต่อไป ปัจจัยดังกล่าวยังคงเป็นปัจจัยหนุนหุ้นในกลุ่ม Re-opening ค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่า แนะนําเพียงเก็งกําไร - ค่าเงินบาทสัปดาห์นี้แข็งค่าขึ้นกว่า 2% ตอบรับเชิงบวกต่อ
(1) การประกาศเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ (1 พ.ย.)
(2) มุมมองของ กนง. ที่เชื่อว่าเศรษฐกิจไทย ผ่านจุดต่ําสุดไปแล้วในช่วง 3Q64 ที่ผ่านมา และ
(3) การอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์ ส่งผลต่อค่าเงินในกลุ่ม Emerging Country ในตลาดเอเซีย
เรามองเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มที่มีการนําเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ (TVO RSP และ WINNER) กลุ่มขายสินค้า IT (COM7 SYNEX และ JMART) กลุ่มวัสดุก่อสร้าง (FTE MGT และ THMUI) และหุ้นในกลุ่มที่มีหนี้ต่างประเทศสูง อย่างหุ้นในกลุ่มสื่อสาร (TRUE) กลุ่มพลังงาน (TOP PTTGC IRPC และ PTT (BK:PTT)) และกลุ่ม Utilities (GPSC RATCH EGCO BGRIM และ WAHUP) เราประเมินเป็นเพียงปัจจัยหนุนระยะสั้น ให้น้ําหนักเพียงเก็งกําไร จากมุมมองที่เป็นลบของเราต่อภาคการ ส่งออกและการนําเข้า ในปี 2565 ที่มีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากอุปทาน (Supply Shock) จากทั้ง ราคาต้นทุนที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น และการขาดแคลนวัตถุดิบ โดยเฉพาะกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ (ภาวะขาดแคลน วัตถุดิบกระทบอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และรถยนต์ของไทย) ส่งผลให้ดุลการค้าของไทยในช่วงที่เหลือของ ปี 2564 ถึงปี 2565 เกินดุลลดลง รวมไปถึงแนวโน้มค่าเงินดอลลาร์จะยังมีโอกาสกลับมาแข็งค่า จากการที่ ธนาคารกลางหลายประเทศกําลังปรับทิศทางนโยบายการเงินมาเป็นเชิง hawkish มากขึ้น โดยเฉพาะเฟด ที่มีแนวโน้มจะลดการทํา QE ใน พ.ย. 64
• รายงาน EIA หนุนน้ํามันดิบไปต่อ ยังแนะนํา oil play เลือก PTTEP เป็นหุ้นเด่น ขณะที่ธุรกิจการกลั่นเราแนะนําเพียงเก็งกําไร - ราคาน้ำมันดิบยังได้รับแรงหนุน จากรายงานของสํานักงานสารสนเทศด้านพลังงาน สหรัฐฯ (EIA) ล่าสุด 2 ประเด็นที่เป็นปัจจัยหนุน มาจาก
(1) มุมมองที่เป็นบวกต่อ Demand น้ํามันดิบในปี 2564-2565 โดย EIA ปรับเพิ่ม Demand น้ํามันดิบในปี 2564-2565 เพิ่ม 5.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน (MBD) และปี 2565 เพิ่มเป็น 3.3 MBD ขึ้นสู่ระดับ 99.6 MBD ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าระดับก่อนการแพร่ระบาดของ โรคโควิด-19 อย่างไรก็ตามการปรับเพิ่มประมาณการ Demand น้ํามันดิบในปี 2564-2565 ของ EIA ยังเติบโตต่ํากว่าประมาณการของ OPEC ที่รายงานก่อนหน้านี้ และ
(2) รายงานปริมาณสํารองน้ํามันดิบ สัปดาห์ที่ผ่านมา ลดลง 6.1 ล้านบาร์เรล (MB) มากกว่าที่ Market Consensus คาดว่าจะลดลง 0.7 MB
ปัจจัยบวกดังกล่าวส่งผลบวกต่อหุ้นในกลุ่ม Oil Play ที่เราแนะนํา โดยเรายังเลือก PTTEP (ซื้อ., ราคา เป้าหมาย 140 บาท) โดยราคาน้ํามันดิบมี Correlation กับราคาหุ้นมากถึง 85% ในทิศทางเดียวกัน ขณะที่ Demand น้ํามันที่เพิ่มขึ้นจะเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มธุรกิจการกลั่นทั้ง BCP TOP SPRC ESSO IRPC และ PTTGC โดยเราให้น้ําหนักเพียงเก็งกําไร จาก Valuation ที่เริ่มจํากัด บทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน: Company Update: TISCO/Earnings Preview: CPALL (BK:CPALL) มุมมองทางเทคนิค - เราคาดว่า SET Index วันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,630-1,650 จุด หุ้นแนะนําปัจจัย ทางเทคนิค - DOD DMT และ JKN
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities