Investment Ideas:
ภาพรวมการลงทุน - เราคาดว่า SET วันนี้ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,605-1,630 จุด SET มีโอกาส ตอบรับเชิงลบ ต่อประเด็นราคา Commodity ที่เริ่มปรับลดลงทั้งราคาน้ํามันดิบ และถ่านหิน จะเป็น Sentiment เชิงลบต่อหุ้นในกลุ่มพลังงาน ที่เราแนะนําต่อเนื่องในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม เรายังคงมุมมองที่เป็นบวกเช่นเดิมต่อปัจจัยพื้นฐาน ทั้งราคาน้ํามันดิบและถ่านหิน จากภาวะ Demand Put และ Supply Shortage ที่เกิดขึ้น แต่ด้วยน้ําหนักของหุ้นในกลุ่ม Commodity ต่อ SET ที่สูง ทําให้เราเชื่อว่า SET มีโอกาสปรับลดลงในวันนี้ อย่างไรก็ตาม เรายังให้น้ําหนักหุ้นในกลุ่ม Laggard Play (KTC AEONTS MTC ha: TIDLOR) Re-Opening (AOT (BK:AOT) BAFS ERW BEM BEC MUD ha: SORKON) และ หุ้นได้ประโยชน์จากกําลังซื้อในประเทศฟื้นตัว (KBANK (BK:KBANK) BBL KKP CPF CPALL (BK:CPALL) MAKRO BJC CRC และ HMPRO) ที่เราแนะนําก่อนหน้านี้ รวมไปถึงการปรับลดลงของอัตราผลตอบแทนของพันธบัตร รัฐบาล จะเป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่ม Utilities (EGCO GPSC BGRIM GULF และ BPP) ความเสี่ยงที่ต้อง ติดตามอยู่ที่ วิกฤตอสังหาริมทรัพย์ในจีน การเมืองในประเทศ และสถานการณ์น้ําท่วม ที่ยังคงมีรายงาน พายุลูกใหม่เข้าต่อเนื่อง ตลาดหุ้นจีนหยุดทําการซื้อขาย เนื่องในวันชาติจีน วุฒิสภาสหรัฐฯ เตรียมพิจารณาขยายเพดานหนี้ ล่าสุดเริ่มมีสัญญาณที่เป็นบวก - ติดตามการพิจารณา เกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้ของสภาคองเกรสสหรัฐฯ โดยล่าสุด นายมิตซ์ แมคคอนเนลล์ ผู้นําเสียงข้างน้อยใน วุฒิสภาสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกัน ระบุว่าพรรครีพับลิกันจะสนับสนุนการขยายเพดานหนี้ของรัฐบาลกลาง สหรัฐฯ ออกไปจนถึงเดือน ธ.ค. ประเด็นดังกล่าวทําให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาตอบรับเชิงบวก หลังเริ่มการ ซื้อขายในแดนลบ และเราเชื่อว่าจะเป็น Sentiment เชิงบวกต่อภาพพรวมเศรษฐกิจโลก เนื่องจากในกรณีแย่ สุด หากสภาคองเกรสไม่ขยายเพดานหนี้ก่อนกําหนด (18 ต.ค.) จะทําให้สหรัฐเสียงต่อการผิดนัดชําระหนี้เป็น ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และอาจฉุดเศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอย และลบต่อภาพรวมเศรษฐกิจโลก ระวังแรงขายทํากําไรระยะสั้น หุ้นในกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ํามันปรับลดลง แต่เรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อ ปัจจัยพื้นฐาน - ราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานที่เราแนะนําต่อเนื่องในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา มีโอกาสตอบรับ เชิงลบระยะสั้น หลังสัญญาน้ํามันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย. ลดลง 1.50 เหรียญ (-1.9%) ราคาน้ํามันดิบ ตอบรับเชิงลบต่อรายงานปริมาณสํารองน้ํามันดิบสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด อย่างไรก็ตาม เรายังคง มุมมองเชิงบวกต่อปัจจัยพื้นฐานเช่นเดิม มองเป็นผลกระทบต่อราคาน้ํามันดิบเพียงระยะสั้นเท่านั้น โดยวานนี้ (6 ก.ย.) สํานักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐฯ (EIA) รายงานปริมาณสํารองน้ํามันดิบ สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 2.3 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นการเพิ่มขึ้นมากกว่าที่ Market Consensus คาดว่า จะเพิ่มขึ้น 200,000 บาร์เรล ข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับสถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ที่รายงานก่อนหน้า นี้ว่า ปริมาณสํารองน้ํามันดิบสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 951,000 บาร์เรลในสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกจากนี้ EIA ยังรายงาน ปริมาณสํารองน้ํามันดิบ ที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ํามันดิบล่วงหน้าของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล ขณะที่ปริมาณสํารองน้ํามันสําเร็จรูป (1) ปริมาณสํารองน้ํามันเบนซิน เพิ่มขึ้น 3.3 ล้านบาร์เรล (คาดลดลง 700,000 บาร์เรล) และ (2) ปริมาณสํารองน้ํามันกลั่น (น้ํามัน Heating Oil และ น้ํามันดีเซล) ลดลง 400,000 บาร์เรล (คาดลดลง 1.7 ล้านบาร์เรล) บาร์เรล ข้อมูลดังกล่าวนี้ 951,000 บาร์เรลในสัปดาพญาน้ำมันดิบล่วงหน้า
มุมมองทางเทคนิค - เราคาดว่า SET Index วันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,605-1,630 จุด หุ้นแนะนําปัจจัย ทางเทคนิค - JAS TTA และ BLA รายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สําคัญ - ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ รายงาน การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐฯ ในเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 568,000 ตําแหน่ง (คาดเพิ่มขึ้น 425,000 ตําแหน่ง) และเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากเดือน ส.ค. ที่เพิ่มขึ้น 340,000 ตําแหน่ง อย่างไรก็ตาม ติดตามกระทรวง แรงงานสหรัฐฯ รายงานตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจําเดือน ก.ย. ในวันศุกร์นี้ (8 ต.ค.) โดย Market Consensus คาดว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร เดือน ก.ย. ของสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้น 475,000 ตําแหน่ง และเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากเดือน ส.ค. ที่เพิ่มขึ้น 235,000 ตําแหน่ง ติดตามรายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สําคัญ วันนี้ - รายงานเศรษฐกิจที่สําคัญของเยอรมนี้ ได้แก่ ดัชนีการ ผลิตภาคอุตสาหกรรรมเยอรมนี เดือน ส.ค. (คาดลดลง 0.5%MoM) / รายงานเศรษฐกิจที่สําคัญของอังกฤษ ได้แก่ ดัชนีราคาที่อยู่อาศัยจากสถาบัน Halifax เดือน ก.ย. และดัชนีราคาที่อยู่อาศัยจากธนาคาร Halifax เดือน ก.ย. / รายงานเศรษฐกิจที่สําคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ จํานวนคนที่ยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities