หลังจากที่ได้ย่อยข้อมูลไม่ว่าจะเป็นเรื่องทิศทางของ Fed กรณีEver Grande รวม ถึงการขายเพดานหนี้ ซึ่งในเชิงของปัจจัยพื้นฐานเห็นว่าไม่ได้มีผลกระทบ ทางลบที่รุนแรง ทำให้SET Index วานนี้ดีดตัวกลับขึ้นมา แต่เชื่อว่าในช่วง 2 วันทำการที่เหลือของสัปดาห์นี้น่าจะเป็นช่วงของการรอประเมินสถานการณ์ เฉพาะอย่างยิ่งเรื่อง QE Tapering รวมถึงการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ใน การควบคุมการระบาดของ Covid-19 ในประเทศ สำหรับประเด็นที่อยู่ใน ความสนใจและอาจถูกจับมาเป็น Theme การลงทุนได้แก่เรื่องของมาตรการ ที่ ค.ร.ม.อนุมัติในการพยุงเศรษฐกิจ ซึ่งเน้นไปที่กลุ่มการท่องเที่ยว และการใส่ เงินอุดหนุนประชาชนกลุ่มต่างๆ คาดว่า SET Index น่าจะอยู่ในกรอบ 1600-1625 จุด พอร์ตจำลองวันนี้ไม่มี ปรับเปลี่ยน หุ้น Top Pick เลือกหุ้นที่น่าจะได้ประโยชน์จากสถานการณ์ ปัจจุบันได้แก่ CPALL (BK:CPALL), CRC และ KBANK (BK:KBANK)
วันนี้ทั่วโลกรอผลประชุม Fed จะส่งสัญญาณทิศทาง QE และดอกเบี้ย ??
เมื่อวานตลาดหุ้นโลกเริ่มทรงตัวหลังจากปรับฐานแรงในช่วงก่อนหน้า (ดัชนีตลาดหุ้น สหรัฐบวกเล็กน้อย ,ฝั่งยุโรปราว 1%) เช่นเดียวกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์หลายๆสินค้า กลับมาฟื้นตัวเกือบ 1% อาทิ น้ำมันดิบ, น้ำตาล, กากถั่วเหลือง โดยเชื่อว่าในช่วงนี้นัก ลงทุนส่วนใหญ่ยังคง Wait&see ประเดิม คือ Evergrande บริษัทผู้พัฒนา อสังหาริมทรัพย์อันดับ 2 ของจีน มีความเสี่ยงจะผิดชำระหนี้ (ASPS ประเมินคาดจะ กระทบต่อตลาดหุ้นไทยและบริษัท Property ในไทยในวงจำกัด)
แต่วันนี้ฝ่ายวิจัยประเมิน Highlight สำคัญที่ตลาดให้น้ำหนักผลการประชุม Fed รู้ผล เช้ามืดวันพฤหัสบดีที่ 23 ก.ย. ซึ่งรอบนี้ Consensus มีการคาดหมายจะมีการส่ง สัญญาณ QE Tapering ในสหรัฐปัจจุบัน Fed อัดฉีดเงินททำQE อยู่ที่ 1.2 แสนล้าน ดอลลาร์ฯ ต่อเดือนแบ่งเป็น 1.เงินซื้อพันธบัตรรัฐบาล (Treasury Securities) 8.0 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ 2. เงินซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อจำนองค้ำประกัน (mortgagebacked debt) 4.0 หมื่นล้านดอลลาร์ฯ
ฝ่ายวิจัยให้น้ำหนักกับผลการประชุม Fed ในรอบนี้ 2 ประเด็น
1. ระยะเวลาเริ่มต้นทำ QE Tapering และวงเงินในการปรับลดแต่ละเดือน ?? อิง Consensus คาดจะเริ่มทำปลายปี และคาดวงเงิน QE ใหม่จะปรับลดลง เหลือ 1.1 แสนล้านเหรียญต่อเดือน หรือลดลง 1 หมื่นล้านเหรียญ หาก Surprise ออกมาปรับลดมากกว่า 1 หมื่นล้านเหรียญมากๆ อาจจะเป็น Sentiment ลบต่อตลาดหุ้นโลก เพราะจะทำให้ตลาดกังวลประเด็นสภาพ คล่องในระบบจะลดลง เนื่องจากการทำ QE จะทำให้งบดุล Balance Sheet ของ Fed อาจจะชะลอการเพิ่มขึ้น หรือมีแนวโน้มทรงตัวหรือลดลง ปัจจุบัน อยู่ที่ 8.5ล้านล้านเหรียญ
2. Dot plot ความเห็นของ Fed ในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยฯ จะเร็วกว่ารอบ มิ.ย.64 หรือไม่ ??? (Dot Plot มิ.ย. 2564 คาดจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้ง แรกในปี 2566 โดย คาดจะขึ้นราว 2 ครั้ง ครั้งละ 0.25%) ฝ่ายวิจัยประเมิน ขึ้นกับคาดการณ์ GDP Growth และเงินเฟ้อสหรัฐ สหรัฐปี 2564-2565 ใน รอบนี้ แต่หากออกมาเพิ่มขึ้น อาทิ Upgrade GDP ?? มีโอกาสเห็นการส่ง สัญญาณขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด สอดคล้องกับ ASPS ที่เคยนำเสนอคาดการร์ ทิศทางดอกเบี้ยและ การเริ่ม QE โดยประเมินจากสถิติในปี 2556 (ดังรูป) ซึ่ง คาดจะเห็น Fed ขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในปี2566
อ่านบทวิเคราะห์ฉบับเต็มจาก asiaplus รอประเมินสถานการณ์ SET อยู่ในกรอบแคบ
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities