เตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ได้เลยว่าภายในวันสองวันนี้นักลงทุนในตลาดอาจจะได้เห็นทองคำสร้างขาลงต่อจากจุดที่อยู่ ณ ตรงนี้ ตราบใดที่ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าจากความหวังที่นักลงทุนมีต่อการประชุมของธนาคารกลาง ที่อาจจะทำนโยบายการเงินแบบตึงตัว แน่นอนว่านี่คือข่าวดีสำหรับดอลลาร์สหรัฐและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล
ในขณะเดียวกันนักลงทุนในตลาดน้ำมันกำลังพยายามจะสลัดข่าวร้ายจากพายุเฮอริเคนสองลูกออกไปให้ได้ ซึ่งทางการจีนไม่ยอมให้ตัวเองขาดทุน พวกเขาเลือกที่จะยอมใช้น้ำมันในคลังสำรองของประเทศชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนในตลาดน้ำมันช่วงนี้
การประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ครั้งนี้ไม่ใช่การประชุมเพื่อพิจารณาเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย แต่เป็นการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ซึ่งจะเริ่มต้นตั้งแต่คืนนี้เป็นต้นไป ก่อนที่จะไปสิ้นสุดในช่วงเช้าของวันพฤหัสบดีที่ 23 กันยายนตามเวลาประเทศไทย ด้วยถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ นายเจอโรม พาวเวลล์
นักลงทุนในตลาดรอคอยกันมาอย่างยาวนานมาก (ตั้งแต่ต้นปีเลยก็ได้) ว่าเมื่อไหร่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเริ่มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เสียที โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสามเดือนล่าสุดที่มีการประชุมใหญ่ที่แจ็คสัน โฮล ในเดือนสิงหาคม แต่ผลที่ได้ก็คือการบอกใบ้เพียงเล็กน้อย แต่ไม่เคยให้กรอบระยะเวลาที่ชัดเจนเลยสักครั้ง
สาเหตุว่าทำไมการปรับลดวงเงิน QE ถึงมีความสำคัญนัก เพราะถ้าเฟดเปิดเผยข้อมูลในส่วนนี้ออกมา นักลงทุนในตลาดจะสามารถเริ่มคาดการณ์ความเป็นไปได้ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งตอนนี้ธนาคารกลางสหรัฐฯ คงตัวเลขดังกล่าวเอาไว้ที่ 0.00% - 0.25% มาเป็นเวลานานร่วมสิบแปดเดือนแล้ว จนกลายเป็นว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ กลายเป็นนักพูดผู้ให้ความหวังแต่ไม่ให้ความจริงกับตลาด ทุกคนที่มีอำนาจวางนโยบายการเงินได้พูดในวิ่งที่ควรพูดแล้ว แต่พวกเขาก็ยังคงใช้ข้ออ้างเกี่ยวกับการระบาดของเชื้อไวรัสโควิดต่อไปเรื่อยๆ นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่าการประชุมครั้งนี้สามารถมองข้ามไปรอเดือนพฤศจิกายนได้เลย
ในการซื้อขายที่ตลาดฝั่งเอเชียเมื่อวานนี้นักลงทุนทองคำ น้ำมัน และสินค้าโภคภัณฑ์หลักประเภทอื่นๆ อาจจะพอวางใจไปได้บ้าง เนื่องจากวันนี้และเมื่อวานถือเป็นวันหยุดในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ และแม้ว่าวันหยุดนี้จะจบลง แต่สภาพคล่องที่หายไปสองวันก็อาจจะส่งผลกระทบต่อตลาดลงทุนทั้งสัปดาห์ หมายความว่านักลงทุนในตลาดต้องพึ่งพาปริมาณการซื้อขายจากตลาดฝั่งตะวันตกเพียงอย่างเดียว
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังของสหรัฐอเมริกาได้ออกมาให้นำแนะนำกับสภาคองเกรสว่าถ้าไม่ยอมเพิ่มเพดานหนี้ เศรษฐกิจอเมริกาอาจต้องเผิชญกับการถดถอยทางเศรษฐกิจ เจฟฟี่ ฮาร์ลีย์ นักวิเคราะห์จาก OANDA แสดงความเห็นต่อการเมืองสหรัฐฯ ว่า
“สัญญาณความเสี่ยงเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ดังขึ้นมากเรื่อยๆ ตอนแรกก็เป็นการถกเถียงกันเกี่ยวกับเพดานหนี้ ตอนนี้กำลังจะกลายเป็นเรื่องของการเพิ่มระดับเพดานหนี้แล้ว ถ้าในอนาคตจะมีการเก็บภาษีเพิ่มผมก็จะไม่แปลกใจเท่าไหร่”
เมื่อพูดถึงการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่กำลังจะมาถึง เจฟฟี่ให้ความเห็นว่า
“ถ้าธนาคารกลางสหรัฐฯ ทำให้การลดอัตราดอกเบี้ยลงมาจนใกล้เคียงหรืออยู่ที่ระดับ 0.00% การเป็นนิวนอร์มอลของโลก รวมถึงการแจกเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ใช่เรื่องที่ผิด การจะดึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจกลับเมื่อไหร่ พวกเขาก็สามารถทำได้ทั้งนั้น อยู่ที่ว่าพวกเขาทำแล้วได้ผลประโยชน์อะไรหรือไม่”
เมื่อวานนี้ราคาทองคำฟิวเจอร์สที่จะส่งมอบในเดือนธันวาคมบนตลาด COMEX ปรับตัวลดลง 0.2% หรือ $2.65 มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $1,748.75 ต่อออนซ์ คิดเป็นการปรับตัวลดลงต่อจากสัปดาห์ที่แล้ว 2.3% นอกจากทองคำ ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ก็พากันปรับตัวลดลงเช่นกัน ทองแดงสร้างขาลง 1.8% อลูมิเนียมปรับตัวลดลงมากกว่า 1% ทั้งแพลตตินัมและพาลาเดียมพากันปรับตัวลงตัวละ 2%
ราคาน้ำมันได้รับแรงกดดันเมื่อประเทศผู้นำเข้าอันดับต้นๆ ของโลกอย่างจีนประกาศว่าจะใช้กลไกภายในประเทศต่อสู้กับตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ กล่าวคือพวกเขาจะใช้น้ำมันจากคลังสำรองมาชดเชยการนำเข้าน้ำมันที่ดูแล้วตอนนี้มีราคาแพงเกินไปสำหรับจีน ข่าวดังกล่าวทำให้ราคาน้ำมันดิบ WTI เมื่อวานนี้ปรับตัวลดลง 1% มีราคาซื้อขายโดยเฉลี่ยอยู่ที่ $71.15 ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวลดลง 0.8% มีราคาซื้อขายโดยเฉลี่ยอยู่ที่ $74.73 ต่อบาร์เรล
“เพราะว่าประเทศจีนเป็นผู้นำเข้า ไม่ใช่ผู้ผลิตน้ำมัน ดังนั้นสิ่งเดียวที่พวกเขาสามารถทำได้คือลดผลกระทบจากราคาน้ำมันชั่วคราว สำหรับนักลงทุนตะวันตก ตอนนี้พวกเขายังไม่ต้องห่วงสถานการณ์ของจีนมากนักเพราะยังคงเป็นวันหยุด แต่พวกเขาควรจับตาดูพฤติกรรมกราฟอัตราผลตอบแทนพันธบัตรฯ และดอลลาร์สหรัฐที่จะขึ้นก่อนการประชุม FOMC มากกว่า” เจฟฟี่ ฮาร์ลีย์ กล่าว
การพักฐานของตลาดหุ้นสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่านักลงทุนเริ่มเข้าสู่โหมดลดความเสี่ยงแล้ว นั่นจึงทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง และมีโอกาสส่งให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นชั่วคราว นายไบรอัน กิลมาร์ติน นักวิเคราะห์ตลาดหุ้นมองว่าอาจจะได้เห็นดัชนีเอสแอนด์พี 500 พักฐานลงมาอีก 5-7% ตั้งแต่ตอนนี้ไปจนถึงวันที่ 10 ตุลาคม และต่อให้รายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนบนเอสแอนด์พีในไตรมาสที่สามและสี่ออกมาดี ก็ไม่ได้หมายความว่าตลาดหุ้นจะปรับตัวขึ้นต่อ