-
สัปดาห์ที่ผ่านมา เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นจากภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาด ท่ามกลางความกังวลแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจในช่วงหลังการระบาด COVID-19
-
ตลาดจะรอลุ้นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ซึ่งมีโอกาสที่จะกระทบต่อการส่งสัญญาณปรับลดคิวอีของเฟดในการประชุมที่จะถึงนี้
-
เงินดอลลาร์อาจถูกกดดันได้ หากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาแย่กว่าคาด โดยเฉพาะ ยอดค้าปลีกและความเชื่อมั่นผู้บริโภค เพราะการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจอาจทำให้ตลาดมองได้ว่า เฟดจะยังไม่รีบส่งสัญญาณการลดคิวอีที่ชัดเจนในการประชุมเดือนนี้ อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์อาจยังเป็นที่ต้องการอยู่ หากตลาดปิดรับความเสี่ยงจากความกังวลการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ส่วนในฝั่งเงินบาท ในระยะสั้น เงินบาทจะยังคงแกว่งตัว Sideways จนกว่าจะมีปัจจัยใหม่ๆ โดยเฉพาะแนวโน้มสถานการณ์การระบาดหลังการผ่อนคลาย Lockdown รวมถึง มุมมองต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งจะมีการประชุม กนง. ในช่วงปลายเดือนนี้
-
มองกรอบเงินบาทสัปดาห์นี้
32.50-32.90 บาท/ดอลลาร์
มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก
-
ฝั่งสหรัฐฯ – ตลาดจะจับตารายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด เนื่องจากการประชุมเฟดวันที่ 21-22 กันยายน นั้นเริ่มใกล้เข้ามา ซึ่งเป็นที่น่าสนใจว่า ในการประชุมครั้งนี้ เฟดจะมีมุมมองต่อแนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจ รวมถึงแนวทางการปรับลดคิวอี อย่างไร หลังจากที่ล่าสุด บรรดานักวิเคราะห์ต่างเริ่มทยอยปรับลดคาดการณ์อัตราการเติบโตเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากผลกระทบของการระบาด Delta ซึ่งนักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า การบริโภคอาจชะลอตัวลงในไตรมาสที่ 3 สะท้อนผ่าน ยอดค้าปลีก (Retail Sales) เดือนสิงหาคม ที่จะหดตัวกว่า -0.8% จากเดือนก่อนหน้า ทั้งนี้ การหดตัวของยอดค้าปลีกอาจเริ่มสะท้อนพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เริ่มเปลี่ยนจากการซื้อสินค้า เป็นการใช้บริการต่างๆ มากขึ้น ตามการทยอยเปิดเมือง อนึ่ง เศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจผ่านช่วงการชะลอหนักไปแล้วในเดือนสิงหาคม โดยสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อย่าง ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคโดย U of Michigan (Consumer Sentiment) ในเดือนกันยายน อาจพลิกกลับมาปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 72 จุด จาก 70.3 จุด สะท้อนว่า ชาวอเมริกัน ยังคงเชื่อมั่นการฟื้นตัวเศรษฐกิจ จากการฟื้นตัวต่อเนื่องของตลาดแรงงาน รวมถึง แผนการทยอยเปิดเมืองที่ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง และการเตรียมแจกจ่ายวัคซีนโดสที่ 3 ในช่วงปลายเดือนกันยายน อย่างไรก็ดี ปัญหา ณ ปัจจุบันของเศรษฐกิจสหรัฐฯ คือ ภาวะเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง โดยตลาดมองว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไป (CPI) เดือนสิงหาคม จะสูงถึง 5.3%y/y หนุนโดยค่าใช้จ่ายในธีม Reopening รวมถึงการกลับไปทำงานและใช้ชีวิตนอกบ้านมากขึ้นของชาวอเมริกัน
-
ฝั่งยุโรป – บรรดานักวิเคราะห์มองว่า ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) อาจเริ่มส่งสัญญาณสนับสนุนการใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น (Tightening Policy) หลังเศรษฐกิจเดินหน้าฟื้นตัวต่อเนื่องและไม่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 มากนัก ซึ่งสะท้อนผ่าน ยอดค้าปลีก (Retail Sales) ในเดือนสิงหาคม ที่จะโตกว่า +0.8% จากเดือนก่อนหน้า หรือคิดเป็น +2.7%y/y นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อทั่วไป (CPI) ในเดือนสิงหาคม ก็มีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นและอยู่ในระดับสูงกว่า +2.9%y/y ซึ่งจากภาพเศรษฐกิจฟื้นตัวได้ดีและเงินเฟ้อในระดับสูง อาจทำให้ BOE เริ่มส่งสัญญาณพร้อมทยอยปรับลดการอัดฉีดสภาพคล่องได้ในการประชุมวันที่ 23 กันยายน นี้
-
ฝั่งเอเชีย – ปัญหาการระบาดของ COVID-19 ในจีนที่ถึงจุดพีคในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จะส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงหนัก โดยยอดค้าปลีก (Retail Sales) จะโตเพียง +7%y/y จาก +8.5% ในเดือนก่อนหน้า ส่วนยอดผลผลิตอุตสาหกรรม (Industrial Production) จะขยายตัวเหลือ +5.8%y/y ลดลงจาก +6.4% สอดคล้องกับการชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องของภาคการผลิตที่สะท้อนผ่าน ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต (Manufacturing PMI) ที่ปรับตัวลดลง นอกจากนี้ ยอดการลงทุนสินทรัพย์ถาวร (Fixed Assets Investment) จะขยายตัวเพียง +11%y/y ลดลงจาก +12.7% ในเดือนก่อนหน้า ทั้งนี้ เศรษฐกิจจีนอาจเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น หลังการระบาดสงบลง ส่วนในฝั่งญี่ปุ่น ภาคการค้ายังคงเป็นปัจจัยหนุนการฟื้นตัวเศรษฐกิจ โดยยอดการส่งออก (Exports) เดือนสิงหาคม จะโตกว่า +33%y/y ส่วนยอดการนำเข้า (Imports) ก็จะขยายตัวราว +40%y/y ทำให้โดยรวมญี่ปุ่นอาจเกินดุลการค้ากว่า 138 พันล้านเยน ทั้งนี้ ยอดการส่งออกในเดือนกันยายน อาจชะลอลงจากความต้องการที่ลดลงจากปัญหาการระบาดของ COVID-19 ทั่วโลก
-
ฝั่งไทย – แนวโน้มการระบาดของ COVID-19 ยังอยู่ในความสนใจของผู้เล่นในตลาด หลัง ศบค. ออกมาเตือนว่ามีโอกาสที่จะเห็นการระบาดระลอกใหม่ หลังจากผ่อนคลายมาตรการ Lockdown สอดคล้องกับมุมมองของเราที่คาดว่า การผ่อนคลาย Lockdown ที่รีบเร่งเกินไป อาจทำให้เกิดการระบาดระลอกใหม่อีกครั้งในอีก 3 สัปดาห์ข้างหน้า