Refinery in standout position SET: ตลาดหุ้นไทยกลับมาสู่ภาวะแกว่งตัวแคบอีกครั้ง ภายหลังดัชนีขึ้นมา อยู่ในโซนแนวต้านเชิง Valuation ที่ระดับ 1650-1660 จุด ซึ่งเป็นกรอบ บนของดัชนีที่เรากําาหนดให้ในเดือนนี้ โดยการปรับขึ้นในช่วงนี้ยังคงเป็น ลักษณะกระจุกตัวเช่นเดิม คาดวอลุ่มการซื้อขายจะเบาบางต่อไปจนกว่า ดัชนีจะปรับย่อลงมาในระดับหนึ่งจนมีแรงซื้อเข้ามามากขึ้น ในเชิงกลยุทธ์ ยังคงแนะน่า Wait & See หลังลดพอร์ตการลงทุนไปแล้ว มองดัชนี SET แถวบริเวณ 1600 จุดต้นๆ น่าจะเป็นโซนที่ปลอดภัยและมี Risk/reward ในการลงทุนมากกว่า Refinery: เรายังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่มโรงกลั่นและให้เป็น Sector ที่น่าสนใจสําหรับการลงทุนในเดือนนี้ต่อไปจากสาเหตุ สาคัญต่อไปนี้
1) มองกลุ่มโรงกลั่นอยู่ในสถานะที่ได้เปรียบที่สุด ณ เวลานี้ในกลุ่มพลังงาน โดยหลังจากที่ซาอุฯประกาศลดส่วนต่างราคาน้ํามัน QSP เดือนตุลาคมมายังโซนเอเชีย ประเมินว่าจะทาให้ต้นทุน น้ํามันดิบเข้ากล้น (Crude premium) มีแนวโน้มลดลงตั้งแต่ไตรมาส 4
2) กลุ่มโรงกลั่นยังได้ประโยชน์จากอุปสงค์ต่อผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมต่างๆ ที่มีแนวโน้มสูงขึ้นตามการเปิดเมืองและเปิดประเทศต่างๆ ส่งผลให้ยอดขายและราคาขายปรับตัวสูงขึ้น
3) ซึ่งจากข้อ 1 และข้อ 2 มีความเป็นไปได้ในระดับสูงที่ค่าการกลั่น (GRM) หรือ Crack spread จะปรับตัวแข็งแกร่งได้ต่อไป หลังช่วงที่ ผ่านมา หากพิจารณาจากค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ของ Singapore GRM จะพบว่า มีการทยอยปรับตัวสูงขึ้นแล้ว
4) ประเมินโรงกลั่นที่มี Product yield ในส่วนของ Gasoline ค่อนข้างมาก เช่น SPRC และ ESSO (รูปที่ 3) จะได้ประโยชน์ในช่วงแรก จาก Traffic การเดินทางใช้รถใช้ถนนที่มากขึ้น ส่งผลให้สเปรด Gasoline-Dubai ปรับตัวสูงขึ้น (รูปที่ 4) โดยหุ้นทั้ง 2 ตัวอยู่ใน List หุ้น Top pick ของเราประจําเดือนนี้
5) ทั้ง 2 บริษัทนี้ยังมีสัดส่วนน้ามันเตา (Fuel oil) ที่มากกว่ากลุ่มโดยเปรียบเทียบ ซึ่ง ณ ขณะนี้ ยังได้ประโยชน์จากการที่ความต้องการใช้ ไฟฟ้าในหลายประเทศเพิ่มขึ้น ณ เวลานี้ด้วย เนื่องจากน้ํามันเตาสามารถนําไปใช้ทั้งในการให้ความร้อน และผลิตกระแสไฟฟ้าได้ Coalะ ในส่วนของวันนี้เราออกบทวิเคราะห์กลุ่มพลังงานหลังราคา LNG ท่าจุดสูงสุดในรอบปี จากความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นหลังหลายประเทศ เริ่มกับมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะประเทศจีนที่ ล่าสุด ปริมาณการผลิตไฟฟ้าในเดือนก.ค.ทําจุดสูงสุดไปเป็นที่เรียบร้อย ประเมิน ว่าราคา LNG จะยังอยู่ในระดับสูงเช่นนี้ต่อไปอย่างน้อยจนถึงสิ้นปีนี้ เนื่องด้วยปลายปีเป็นช่วง High Season ของความต้องการใช้ LNG ในการให้ความร้อนในช่วงฤดูหนาว ทั้งนี้ จากการศึกษาของเราพบว่า ราคา LNG มีความสัมพันธ์ในระดับสูงกว่า 80% กับราคาถ่านหิน เนื่องด้วย ถ่านหินเป็นแหล่งเชื้อเพลิงสําหรับโรงไฟฟ้าเช่นกัน ดังนั้นแล้วหุ้นในกลุ่ม ถ่านหินเช่น BANPU และ LANNA มีโอกาสที่จะปรับตัว Outperform ต่อในระยะสันจากเหตุการณ์ดังกล่าวนี้
แนวรับ 1,638 แนวต้าน 1,654
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities