กระแสคลาย Lockdownช่วยหนุน SET Top Pick เลือก COM7, M และ SCC
แม้มีโอกาสที่จะเห็นการลดระดับนโยบายการเงินผ่อนคลายของ Fed แต่ดู เหมือนว่าตลาดหุ้นทั่วโลกไม่ได้ตอบสนองเชิงลบมากนัก ซึ่งเราเห็นว่าน่าจะ เป็นเพราะมีปัจจัยบวกในแง่มุมอื่นเข้ามาขับเคลื่อน ที่ชัดเจนที่สุดน่าจะเป็น สถานการณ์ของ Covid-19 ซึ่งมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้นหลังจากที่ FDA สหรัฐฯ อนุมัติให้Vaccine Pfizer ใช้ได้เป็นการทั่วไปจากเดิมที่อนุมัติให้ใช้ใน สถานการณ์ฉุกเฉิน และเชื่อว่าจะตามมาด้วย Moderna และ J&J ทิศทาง ดังกล่าวทำให้ถูกคาดหมายว่าจะเห็นการลดระดับมาตรการควบคุมการแพร่ ระบาดของ Covid-19 เฉพาะอย่างยิ่งในบ้านเราที่ส่งสัญญาผ่อนคลายมากขึ้น กระแสดังกล่าวน่าจะเป็นผลดีต่อหุ้นกลุ่มเปิดเมือง และ Commodity
SET Index น่าจะพยายามทดสอบแนวต้านบริเวณ 1600 จุด ต่อพอร์ตจำลอง วันนี้ขายทำกำไร KCE น้ำหนัก 10% และเข้าซื้อ SCC 10% คงระดับเงินสด 5% Top Pick เลือก COM7, M และ SCC
ตลาดหุ้นโลกยังขึ้นต่อหนุนจาก กระแส Vaccine , สินค้าโภคภัณฑ์ปรับขึ้น แต่ปลาย สัปดาห์ยังรอผลประชุม Jackson Hole
ยิ่งใกล้วันการประชุม Jackson hole 26-28 ส.ค. 64 เป็นที่ตลาดคาดหมายกันธนาคาร กลางสหรัฐ (Fed) จะส่งสัญญาณลดการเข้าซื้อพันธบัตร QE Taper โดยประธาน Fed นาย Jerome Powell จะมีคิวกล่าวสุทรพจน์ วันศุกร์ที่ 27 ส.ค. 2564 ตามเวลา ไทย เดิมคาดน่าจะทำให้ตลาดผันผวน , ปรับลง แต่ดูเหมือนว่าในรอบนี้กลับแตกต่าง คือ พบว่าตลาดหุ้นทั่วโลกโดยส่วนใหญ่ตลอดสัปดาห์ และล่าสุดเมื่อวานปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ ตลาดหุ้นสหรัฐ เมื่อวานนี้ ดัชนี Nasdaq และ S&P กลับทำ New High และปรับเพิ่มขึ้นติดต่อกันตั้งแต่ต้นสัปดาห์ (Wtd) ราว 2% เช่นเดียวกับฝั่งเอเซีย อาทิ ฮ่องกง ญี่ปุ่น รวมถึงไทย ที่ปรับขึ้นเฉลี่ย 2.2%wtd เช่นเดียวกับ สกุลเงิน Dollar Index (เป็น 1 ใน Indicator ที่บ่งชี้ความเชื่อว่าตลาดมีมุมมองต่อ Fed จะดำเนิน นโยบายการเงินอย่างไร) ปรากฎแนวโน้มกลับไม่แข็งค่าตามที่คาด เห็นได้จากการอ่อน ค่า 0.65%wtd หนุนสกุลเงินตรงข้าม อาทิ เงินบาทกลับมาแข็งค่า หลุด 33 บาท ถือ เป็นปัจจัยบวกต่อ Fund Flow ต่างชาติ และอีกฝั่งนึงคือ หนุนราคา Commodity โดยเฉพาะราคาน้ำมันดิบ ที่ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง อิง Brent ปรับขึ้นรวมกันราว 9%wtd ถือเป็น Sentiment บวกต่อหุ้นน้ำมัน อาทิ PTT (BK:PTT) PTTEP โดยเหตุผลทั้งหมดเกิดจาก ความคาดหวังเชิงบวกจากประเด็นวัคซีน เทคโนโลยี mRNA) หลังจาก อย. สหรัฐ (FDA) รับรองวัคซีน Pfizer ให้ใช้เป็นการทั่วไป จากเดิม ใช้ในฉุกเฉิน ถือเป็นปัจจัยบวก ทำให้คนเชื่อมั่น และ คาดว่าจะเปิดทางให้ประเทศ ต่างๆทั่วโลก หากอนุมัติจะสามารนำเข้า Vaccine Pfizer ได้มากขึ้นในอนาคต ระยะ ถัดไปคือ วัคซีน Moderna , J&J คาดว่า FDA สหรัฐจะทยอยอนุมัติออกมาในไม่กี่ สัปดาห์ข้างหน้า กระแสเชิงบวกจากวัคซีนที่มากขึ้น คาดจะทำให้เกิดมุมมองเชิงบวกต่อ Demand เศรษฐกิจโลกที่จะเพิ่มขึ้น หนุนเศรษฐกิจและ การบริโภคสินค้า ฝ่ายวิจัย ASPS มอง เชิงบวกต่อหุ้น Global Play แนะนำหาจังหวะลงทุน และเก็งกำไรในกลุ่ม Commodity ต่างๆ คาดจะจะได้กระแสบวกต่อ ราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้น อาทิ กลุ่มน้ำมัน อาทิ PTT, PTTEP กลุ่มปิโตรเคมี อาทิ IVL ,PTTGC กลุ่มโรงกลั่น อาทิ TOP กลุ่ม Soft Commodity อาทิ กลุ่มยาง คือ NER กลุ่มน้ำตาล KSL
ส่วนกลุ่มที่เคยได้อานิสงค์จาก Covid ซึ่งหนุนให้ราคาขึ้นมาเยอะ อาทิ ดัชนี BDI ที่ปรับ ขึ้นมาแรง อาทิ เรือเทกอง PSL TTA หรือ ได้ประโยชน์จาก Container Index อาทิ เรือคอนเทนเนอรื อาทิ RCL คาดจะได้ประโยชน์น้อยลงเมื่อสถานการณ์กลับทาง แนะนำลงในกลลุ่มเหล่านี้อย่างระมัดระวัง เพราะราคาหุ้นหลายตัวปรับขึ้นมาแรง
Moody’s คง Rating Baa1, ครม. คง VAT 7% เพิ่มเสน่ห์ให้หุ้นไทย
ASPS มองว่าตลาดหุ้นไทยยังมีความน่าสนใจลงทุนอยู่ ทั้งจากในมุมมองของนักลงทุน จากต่างประเทศ และนักลงทุนในประเทศ โดยมีปัจจัยสนับสนุน ดังนี้
Moody’s คง Credit Rating ไทย ไว้ที่ Baa1: วานนี้ผู้อำนวยการสำนักงาน บริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ระบุว่า บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating Agency) Moody’s คงอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) ของ ไทยไว้ที่ Baa1 นับเป็นการคงต่อเนื่องตั้งแต่เดือน มี.ค. 2546 และยังคงมุมมอง (Outlook) ของไทยไว้ที่ระดับมีเสถียรภาพ (Stable) จากสาเหตุสำคัญ คือ 1. ไทยมีกิจรรมศรษฐกิจหลากหลาย จึงสามารถรองรับผลกระทบทางเศรษฐกิจ ต่างๆได้, 2. ฐานะการคลังของไทยเข้มแข็ง หนี้รัฐบาลส่วนใหญ่เป็นหนี้ระยะ กลาง และเกือบทั้งหมดเป็นหนี้ในประเทศ และ 3. ภาคการเงินต่างประเทศ ของไทยมั่นคง ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล และทุนสำรองระหว่างประเทศมีสูง จากการคง Credit Rating ของ Moody’s จึงประเมินว่า Credit Rating Agency แห่งอื่นๆ เช่น S&P จะมีโอกาสคง Credit Rating ของไทยด้วยเช่นกัน ซึ่ง ASPS มองเป็น Sentiment บวกต่อตลาดหุ้นไทย เพราะช่วยให้ การลงทุนในไทยได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติมากยิ่งขึ้น
• ครม. คง VAT 7% นานต่อไปอีก 2 ปี: ที่ประชุม ครม. วานนี้ มีมติคงอัตรา ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 7% ต่อไปอีก 2 ปี (สิ้นสุด 30 ก.ย. 2566) เพื่อบรรเทา ภาระค่าครองชีพของประชาชน และสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย หลังการระบาด COVID-19 คลี่คลายลง โดย ASPS คาดว่า การคง VAT 7% นานถึง 2 ปี (จากเดิมมักคงไว้เพียง 1 ปี) จะช่วยลดความกังวลของประชาชน และตลาดหุ้นได้พอสมควร หนุนให้การจับจ่ายใช้สอยมีโอกาสกลับมาฟื้นตัว รวดเร็วขึ้น หลังการผ่อนคลาย Lockdown และเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มค้าปลีก เช่น CRC, COM7, SPVI, JMART, HMPRO, ILM, DOHOME, CPN เป็นต้น
ความหวัง Reopen เริ่มเป็นรูปธรรม รอวันศุกรนี้ ศบค.พิจารณาผ่อนคลายในห้าง
ASPS เคยนำเสนอมาตลอดนับตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ว่า กระแสความคาดหวังการผ่อน คลายกิจกรรมเศรษฐกิจ (Reopen) จะเป็นแรงส่งสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนตลาดหุ้นไทย ในช่วงปลาย ส.ค. – ก.ย. 2564 ล่าสุดพบว่าความคาดหวังดังกล่าวเริ่มปรากฏเป็น รูปธรรมมากขึ้น อันได้แก่
1.การระบาดของ COVID-19 เริ่มทรงตัว: ข้อมูลล่าสุดวันที่ 25 ส.ค. 2564 พบผู้ติดเชื้อ รายใหม่ 18,417 ราย ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 1 เดือน และยังต่ำกว่าจำนวน ผู้รักษาหายที่ 21,186 ราย ส่งผลให้ปัจจุบัน ไทยมีจำนวนผู้ที่อยู่ระหว่างรักษา (Active case) ลดลงเหลือ 189,268 ราย แตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 1 เดือน
2. อ.ย. ระบุพร้อมพิจารณาวัคซีน Pfizer ขึ้นทะเบียนแบบปกติ: ASPS นำเสนอวานนี้ ว่า การอนุมัติให้วัคซีน Pfizer ใช้เป็นการทั่วไปของสำนักงานอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) จะช่วยหนุนให้ประเทศอื่นๆ มีแนวโน้มอนุมัติตามไปด้วย ล่าสุด ทาง คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ขอเชิญชวนให้ บริษัท Pfizer ประเทศไทยจำกัด นำ ข้อมูลเพิ่มเติมมายื่นขึ้นทะเบียนเต็มรูปแบบโดยเร็ว และคาดจะใช้เวลาพิจารณาราว 30 วัน ซึ่งหาก อย. อนุมัติเต็มรูปแบบจะส่งผลให้วัคซีนสามารถจำหน่ายได้ทั่วไป และ เอกชนนำเข้าได้ โดยความคืบหน้าดังกล่าว ช่วยสร้างแรงจูงใจให้ผู้พัฒนาวัคซีน และ เอกชนเร่งดำเนินการขออนุมัติมากขึ้น ซึ่งท้ายที่สุดจะช่วยให้ไทยมีวัคซีนใช้อย่าง กว้างขวางมากขึ้น 3. วันศุกร์ 27 ส.ค. ลุ้นศบค.ปลดล็อกกิจกรรมเศรษฐกิจเฟสแรก มีผลวันที่ 1 ก.ย. โดย กระทรวงสาธารณธสุขหลักการภาคธุรกิจขอผ่อนคลาย
1. เปิดห้าง ประเดิมนั่งกินในร้านก่อน 50% ธุรกิจ IT อุปกรณ์สื่อสารและไฟฟ้า และ ธุรกิจบริการ
2 เสริมสวย ร้านนวด กิจกรรมกลางแจ้ง และสถานที่ออกกำลังกาย จากความคาดหวัง Reopen ที่เริ่มเป็นรูปธรรมมากขึ้น ทั้ง ในด้านการระบาด COVID19, วัคซีน และการผ่อนคลายกิจกรรมเศรษฐกิจ ข้างต้น ASPS มองว่ากระแส Reopen จะเป็นแรงส่งสำคัญของตลาดหุ้นไทยต่อไป โดยหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์ คือหุ้นในกลุ่ม เปิดเมือง
บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities