THB intervention / IMH / IP ST: คาด SET Index แกว่งตัวซึมๆในวันนี้หลังยังไม่มีปัจจัยกระตุ้นใหม่ พร้อมทั้ง ราคาน่ามันดิบที่ปรับตัวลงสู่ระดับต่ําสุดในรอบ 3 เดือน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจาก เงิน USD ที่ปรับตัวแข็งค่าทําจุดสูงสุดในรอบ 9 เดือน มองปัจจัยดังกล่าวอาจ ส่งผลกดสันต่อราคาหุ้นกลุ่ม Oil & Gas รวมถึงดัชนี SET ในช่วงเปิดตลาดเช้าวันนี้ ได้ อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าของเงิน USD นี้กลับไม่ทําให้เงินบาทของเรา ปรับตัวอ่อนค่าแต่อย่างใด แถมยังเป็นสกุลเงินในเอเชียที่ปรับตัวแข็งค่า มากที่สุดในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาอีกด้วย (รูปที่ 1) ประเมินส่วนหนึ่งเป็นผล มาจากการเข้าแทรกแซงของธปท.ในช่วงหลัง สะท้อนผ่านเงินสํารองระหว่าง ประเทศและฐานะล่วงหน้าสุทธิที่ลดลงต่อเนื่อง และหากดูจากรูป ดูเหมือนจะมี Room ในการทําได้อีกหากเงิน USD ยังคงเดินหน้าแข็งค่าต่อไป (รูปที่ 2) แนะนํา ติดตามทั้ง 2 ตัวเลขดังกล่าวที่จะประกาศออกมาในวันนี้เพื่อเป็นการยืนยันมุมมอง ดังกล่าว หากเป็นภาพเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ มีโอกาสที่ Upside ของหุ้นกลุ่ม สิ่งออกที่อิงกับการอ่อนค่าของเงินบาทนั้นอาจเริ่มอยู่ในระดับที่จํากัดมาก ขึ้น Strategy: ในเชิงกลยุทธ์ แนะนําาถือครองหุ้นที่สะสม ณ บริเวณ SET ต่ํากว่า 1550 จุดได้ต่อไป โดยหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่ม Ex-Commodity ดูเหมือนจะเป็นตัว ช่วยพยุงดัชนีไว้ได้อยู่ในช่วงนี้จาก 3 ปัจจัย ได้แก่ 1) Valuation ที่ต่ากว่า ค่าเฉลี่ย 2) Liquidity ที่ถูกโยกย้ายมาจากหุ้นขนาดเล็ก และ 3) Sentiment เชิงบวกที่รออยู่จากการจัดงาน Thailand Focus ในส่วนของพอร์ตหุ้นแนะนํา ประจําเดือนของเรา ล่าสุดให้ผลตอบแทนเฉลี่ยอยู่ที่ 2.8% ดีกว่า SET Index ที่ 1.5% อยู่เล็กน้อย (รูปที่ 3) IMH: เราปรับเพิ่มกําไรปี 2564 2565 ขึ้น 290% และ 99% เป็น 386 ล้านบาท และ 251 ล้านบาทตามล่าตับ พร้อมปรับราคาเป้าหมายขึ้น เป็น 24 บาทจากเดิม 11 บาท โดยที่การเติบโตของรายได้ในช่วงสั้นยังคงได้รับ อานิสงส์จากการฉีดวัคซีน Sinopharm และยอดตรวจเชื่อที่สูงขึ้นแม้ว่าจะมีการ ขายชุดตรวจเชื่อ Antigen เองได้ ส่วนในไตรมาส 4 คาดว่าจะมีรายได้จากการ ตรวจสุขภาพกลับมาอีกครั้ง พร้อมทั้งการรับตรวจภูมิหลังจากที่รับวัคซีนครบ 2 โดส ในขณะที่รายได้ในปีหน้า คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากการรักษาโรคปอดที่สูงขึ้น จากคนไข้ที่เคยติดเชื้อ COVID-19 และธุรกิจตรวจสุขภาพน่าจะฟื้นตัวต่อจากฐาน ลูกค้าใหม่ที่รับบริการฉีดวัคซีนไป ทั้งนี้ เราได้ปรับ Gross Margin ขึ้นอย่างมี นัยสาคัญ เนื่องจากการรับตรวจเชื่อ COVID-19 และการรับนดวัคซีน ม Margin สูงกว่าการรับตรวจสุขภาพทั่วไป และการควบรวมกิจการกับโรงพยาบาล ประชาพัฒน์ ส่งผลให้เกิด Economies of scale ในเชิงกลยุทธ์ มองว่าผู้ที่มีหุ้น อยู่สามารถถือต่อได้ ส่วนผู้ที่ต้องการเข้าสะสมใหม่ แนะน่ารอให้ราคาอ่อน ตัวลงก่อนแล้วค่อยเข้าชื่อน่าจะปลอดภัยมากกว่า หรืออาจจะมองหา ตัวเลือกทดแทนในกลุ่มร.พ. ซึ่งล่าสุดราคายังคง Laggard อยู่อย่างมาก อาทิ BDMS, BCH, CHG เป็นต้น
แนวรับ 1,537 แนวต้าน 1,550 บทวิเคราะห์วันนี้ • IMH (ซอ ราคาเป้าหมาย 24 บาท) รายงานกําไร New High ใน 2Q64 และคาดว่าใน3Q64 จะสูงขึ้น QoQ • MINT: Stock Comment (ซื้อเก็งกําไรราคาเป้าหมาย 34.70 บาท) การฟื้นตัวของกลุ่มโรงแรมใน EU ดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
IP vs. MEGA: มอง Trend ดูแลรักษาสุขภาพยังคงมาแรงจากพฤติกรรม New normal ซึ่งจะทําให้อุปสงค์ต่ออาหารเสริมและยาปรับตัวได้อย่างแข็งแกร่งในช่วง ถัดไป และได้ถูกสะท้อนออกมาบ้างแล้วจากผลประกอบการไตรมาส 2 ที่ออกมาดีกว่า คาดของตัวหุ้น IP และ MEGA ซึ่งเป็น 2 หุ้นที่อยู่ในพอร์ตแนะปาของเราประจําเดือน นี้ อย่างไรก็ดี ด้วยล่าสุดราคาหุ้น MEGA ปรับตัวสูงขึ้นมาแล้วกว่า 19% MTD (รูปที่ 3) และเหลือ Upside เพียงแค่ 20 จากราคาเป้าหมายของ Consensus ท่าให้ในวันนี้ เราหันมามองด้วที่ Laggard กว่าอย่าง IP มากขึ้น ซึ่งราคาปัจจุบันยังคงมี Upside จากราคาเป้าหมายของเราอยู่กว่า 14% และเพิ่งให้ผลตอบแทนเดือนนี้ ไปเพียง 3% (รูปที่ 3) มองไปข้างหน้า คาดการบริหารจัดการต้นทุนของบริษัทจะท่า ได้ดีขึ้นต่อเนื่องส่งผลให้ Margin ดีขึ้น และมองก่าไร 2H64 จะดีกว่า 1H64 พอสมควร (60-70% ของกําไรทั้งปี) จากแผนวางจําหน่ายผลิตภัณฑ์ใหม่ ZEAvita ที่เข้ามาช่วย หนุนยอดขาย ส่วนประเด็น Upside risk ที่ไม่ได้อยู่ในประมาณการของเราได้แก่ การ ปลอดล็อคกระท่อมภายในประเทศ ปัจจุบันประมาณการรายได้ของเราปีนี้ยังคง Conservative อยู่ที่ 834 ล้านบาท ต่ํากว่าเป้าหมายของผู้บริหารที่ 850-900 ล้านบาท
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities