Investment Ideas:
ภาพรวมการลงทุน - เราคาดว่า SET วันนี้ จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,515-1,559 จุด ตลาดหุ้นไทยยังมี ปัจจัยเสี่ยงจาก สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศ สถานการณ์การชุมนุม รวมทั้งเรื่องของ Valuation หลังวานนี้ (12 ส.ค.) ตลาดหุ้นไทย ปิดทําการ แต่ตลาดหุ้นในภูมิภาคที่เปิดดําเนินการปรับลดลงเป็น ส่วนมากเฉลี่ย 0.5%-1.0% สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์ Delta ทั่วโลก เป็น ปัจจัยกดดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่การผลิตน้ํามันในสหรัฐฯ ปรับเพิ่ม โดย Baker Hughes รายงานปริมาณแท่นขุดเจาะปิโตรเลียมในสหรัฐฯ สัปดาห์ที่ผ่านมาอยู่ที่ 617 แท่น (Oil rigs landed และ Natural gas-directed rigs) ปรับเพิ่มรายสัปดาห์มากที่สุดตั้งแต่ เม.ย. 2563 ยิ่งเป็นปัจจัยกดดัน ราคาน้ํามันดิบ เราแนะนําลงทุนหุ้นที่ถูกคาดหมายผลประกอบการดี และมีแนวโน้มแข็งแกร่งต่อเนื่องถึง 3Q64 (ASIAN HANA KCE NEA III และ JWD) รวมไปถึงหุ้นที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ํามันดิบลดลง ผู้ว่า ธปท. มอง GDP 3Q64 หดตัว QoQ แต่จะกลับมาฟื้นตัวใน 4Q64 ขณะที่ปี 64 เชื่อไม่หดตัว - มุมมอง เศรษฐกิจไทยของผู้ว่า ธปท. คาดว่า GDP ไทยในช่วง 2Q60 ขยายตัว 6.6%YoY จากฐานที่ต่ํา ขณะที่ แนวโน้ม 3Q64 หดตัว QoQ ก่อนฟื้นตัวในช่วง 4Q64 ยังคงมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2564 ไม่หดตัว (BoT คาด GDP ปี 2564 ขยายตัวในอัตรา 0.7%) โดยการส่งออกยังคงเติบโตตามคาด ขณะที่เศรษฐกิจไทย จะฟื้นตัวกลับมาสู่ระดับก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วง 1Q66 ผู้ว่า ธปท. มองว่าดอกเบี้ย นโยบาย ณ ปัจจุบันอยู่ในระดับต่ํามาก ไม่เป็นอุปสรรคการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่ค่าเงินบาทอ่อนค่า มากกว่าภูมิภาค ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยพื้นฐานทางด้านเศรษฐกิจ ที่อ่อนแอกว่าเมื่อเทียบกับภูมิภาค ทําให้มาตรการการคลัง ยังจําเป็นในการหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่ปัจจัยที่น่ากังวลอยู่ที่ หนี้เสียใน ระบบธนาคารยังมีโอกาสเพิ่มขึ้น รวมทั้งระดับหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง (ที่มา: Rueters) ปัจจัยพื้นฐานราคาน้ํามันดิบอ่อนแอ แนะนําหุ้นที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ํามันดิบลดลง - ราคาน้ํามันดิบ ตอบรับเชิงลบ หลังทําเนียบขาวสหรัฐฯ ขอให้ทาง OPEC+ ปรับเพิ่มกําลังผลิตน้ํามัน เพราะนโยบายการผลิต น้ํามันปัจจุบันของ OPEC ไม่เพียงพอต่อการรองรับปริมาณการใช้น้ํามันของโลก ในภาวะที่ความต้องการใช้ น้ํามันดิบปรับเพิ่มต่อเนื่อง ขณะที่รายงานกําลังผลิต Non-OPEC ลดลงต่อเนื่อง ปัจจัยลบกดดันราคา น้ํามันดิบยังมีต่อเนื่อง หลังสํานักงานพลังงานระหว่างประเทศ (International Energy Agency: IEA) ของสหรัฐฯ ปรับลด Demand น้ํามันดิบในปี 2564 ลง 1 แสนบาร์เรลต่อวัน จากการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 สายพันธุ์เดลตา และให้มุมมองต่อความเสี่ยงในการเกินดุล (Supply มากกว่า Demand) ในปี 2565 โดยรายงานของ IEA ล่าสุด เกี่ยวกับความต้องการใช้น้ํามันดิบในเดือน ก.ค. ปรับลดลง ขณะที่ OPEC+ เพิ่มกําลังผลิต 4 แสนบาร์เรลต่อวัน (เริ่ม ส.ค. ถึง ธ.ค. 64) ซึ่งเป็นไปตามมติที่ประชุม OPEC+ ล่าสุด ปัจจัยพื้นฐานอ่อนแอและปัจจัยลบที่เพิ่มขึ้น แนะลงทุนหุ้นในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ํามันดิบลดลง เราเลือก TASCO EPG GPSC BGRIM GULF OSP CPALL (BK:CPALL) และ BJC บทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานวันนี้ - Company Update: ANAN LH KCE MTC และ STA/Earnings Results: CHG
Company Update: KCE (ซื้อ., ราคาเป้าหมาย 95 บาท) ภาพรวม 2H64 เติบโตต่อเนื่อง - คาดผล ประกอบการ 2H64 เติบโตต่อเนื่อง อัตรากําไรดีกว่า 1H64 รายได้เติบโตจากกําลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นและ เงินบาทอ่อนค่า ปรับประมาณการกําไรสุทธิปี 2560-2565 ขึ้น 14% และ 19% ก่อนหน้านี้บริษัทรายงาน กําไรสุทธิ 2Q64 เติบโต YoY และ Q&Q ดีกว่าตลาดคาด 17% ประกาศจ่ายเงินปันผล 0.60 บาท XD 23 ส.ค. และจ่าย 8 ก.ย. แนะนํา “ซื้อ” ราคาเป้าหมายใหม่ 95 บาท Earnings Results: CHG (เก็งกําไร., ราคาเป้าหมาย 9.80 บาท) กําไรสุทธิ 2Q64 ทํา New High ดีกว่าตลาด คาด - กําไรสุทธิ 2Q64 เติบโต 272%YoY และ 1296QoQ ดีกว่าคาด รายได้เติบโตอย่างมีนัยสําคัญจาก รายได้ที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 อัตรากําไรขั้นต้น 2Q64 อยู่ที่ 41.8% ดีกว่าคาดมาก มีแนวโน้มปรับ ประมาณการกําไรสุทธิปี 2564 เพิ่ม 25-30% จากเดิม คาดดีต่อเนื่องถึง 3Q64 หนุนจาก COVID-19 และ ปัจจัยฤดูกาล ประกาศจ่ายเงินปันผล 0.03 บาท XD 23 ส.ค. และจ่าย 10 ก.ย. แนะนํา “เก็งกําไร” ให้ราคา เป้าหมาย 4.40 บาท มุมมองทางเทคนิค - เราคาดว่า SET Index วันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,515-1,550 จุด หุ้นแนะนําปัจจัย ทางเทคนิค - BAM UTP และ SMPC ติดตามรายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สําคัญ วันนี้ - รายงานเศรษฐกิจที่สําคัญของยุโรป ได้แก่ ดุลการค้า (Trade Balance) เดือน ก.ค. /รายงานเศรษฐกิจที่สําคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค รัฐมิชิแกน (Michigan Consumer Sentiment) เดือน ส.ค. (คาดอยู่ที่ 82.0 จุด) และความคาดหวังของ ผู้บริโภครัฐมิชิแกน (Michigan Consumer Expectations) เดือน ส.ค. (คาดอยู่ที่ 85.0 จุด)
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities