เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาตลาดลงทุนแทบจะทุกประเภทพากันปรับตัวร่วงลงหมด แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นกับตลาดก๊าซธรรมชาติ
ตลาดซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้าบน NYMEX ปรับตัวลดลง 7% ในขณะที่ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงปรับตัวลดลง 6% มีเพียงราคาก๊าซธรรมชาติล่วงหน้าที่ท่าเรือเฮนรี่เท่านั้นที่สามารถปรับตัวขึ้นได้ 3% ในวันนั้น ไม่ใช่แค่นั้นหากพิจารณาตั้งแต่วันจันทร์มาจนถึงวันนี้จะเห็นว่าราคาก๊าซธรรมชาติปรับตัวขึ้นมาแล้วทั้งสัปดาห์เกือบ 7% และอาจจะกลายเป็นสถิติขาขึ้นที่ดีที่สุดในรอบห้าสัปดาห์ล่าสุด
เมื่อวานนี้ราคาซื้อขายก๊าซธรรมชาติที่จะส่งมอบในเดือนสิงหาคมบนตลาด NYMEX สามารถขึ้นไปยืนเหนือจุดสูงสุดในรอบ 2 ปีครึ่งที่ $3.965 ล้านบีทียูได้ ซึ่งถือว่าใกล้เคียงระดับราคา $4 แล้ว และถ้าได้ไปดูราคาส่งมอบในเดือนธันวาคมไปจนถึงกุมภาพันธ์ปีหน้า จะพบว่าราคาส่งมอบก๊าซธรรมชาติเหล่านี้สามารถยืนเหนือ $4 กันได้หมดแล้ว การปรับตัวขึ้นของก๊าซธรรมชาติครั้งนี้ค่อนข้างทำให้หลายฝ่ายเซอร์ไพรส์ คำถามคือเกิดอะไรขึ้น?
สภาพอากาศเปลี่ยน..ทิศทางราคาก็เปลี่ยน
สำหรับขาขึ้นครั้งนี้คุณสามารถชี้ไปที่ “สภาพอากาศ” ว่าเป็นสาเหตุหลักได้เลย ใช่ครับอุณหภูมิที่กำลังเปลี่ยนเป็นร้อนขึ้นอาจจะทำให้หลายๆ พื้นที่ในสหรัฐอเมริการ้อนกว่าที่เป็นอยู่ นั่นคือสิ่งที่นักวิเคราะห์พูด และทุกครั้งที่อากาศเปลี่ยน มันจะส่งผลต่อเนื่องมายังปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติในแต่ละสัปดาห์ และจะส่งผลไปยังปริมาณก๊าซธรรมชาติที่จะถูกส่งมาเก็บเอาไว้ในคลังด้วย
แดน ไมเยอร์ นักวิเคราะห์จาก Gelber & Associates ให้ข้อมูลว่า
“การที่อุณหภูมิโดยเฉลี่ยจะเพิ่มสูงขึ้นภายในวันสองวันนี้แสดงให้เห็นว่าในสัปดาห์หน้าจะต้องมีการเพิ่มปริมาณก๊าซธรรมชาติเข้ามาในคลังมากกว่าปกติเล็กน้อย เพราะก่อนหน้านี้ที่คิดจากช่วงเจ็ดวันล่าสุด (ที่สิ้นสุดในวันที่ 30 กรกฎาคม) เราได้ปรับตัวเลขคาดการณ์การเพิ่มก๊าซธรรมชาติเข้าไปในคลังลง 13 พันล้านลูกบาศก์ฟุต”ที่มา: Gelber & Associates
ในขณะที่เรากำลังรอดูข้อมูลตัวเลขปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลังจากสำนักบริหารสารสนเทศพลังงานของสหรัฐอเมริกา (EIA) ที่จะออกมาตอน 21:30 น. ตามเวลาประเทศไทยนั้น นักวิเคราะห์ของ Investing.com ได้ประเมินแล้วว่าตัวเลขของสัปดาห์ที่นับถึงวันที่ 16 กรกฎาคมอาจจะออกมาอยู่ที่ 44 พันล้านลูกบาศก์ฟุต (bcf) ซึ่งตัวเลขคาดการณ์นี้น้อยกว่าตัวเลขของสัปดาห์ก่อนหน้านั้นที่ออกมา 55 bcf อยู่ที่ 20%
หากเทียบเป็นปริมาณการนำก๊าซธรรมชาติเข้าคลังตลอดทั้งปี จะพบว่าปริมาณที่นำเข้าเมื่อสัปดาห์ที่แล้วสูงกว่า 38 bcf ที่นำเข้าในช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และสูงกว่าค่าเฉลี่ยในรอบห้าปี (2016-2020) ซึ่งมีตัวเลขอยู่ที่ 36 bcf ซึ่งปริมาณน้ำมันที่เพิ่มเข้ามานี้ทำให้ตัวเลขปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลังทั้งประเทศรวมตอนนี้มี 2.673 ล้านล้านลูกบาศก์ฟุต ซึ่งยังถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 5 ปี ที่ 16.7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน
อากาศในอเมริกาจะยิ่งร้อนขึ้น
ข้อมูลจากเว็บไซต์ naturalgasintel.com ระบุว่าอากาศของประเทศสหรัฐอเมริกาจะร้อนขึ้นเรื่อยๆ ภายในอีกสองสัปดาห์ข้างหน้านี้
“ในสัปดาห์หน้าเราจะได้เห็นทิศทางความร้อนเปลี่ยนไปจากทางตอนกลางของประเทศมุ่งหน้าลงสู่ทางใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัฐเท็กซัส นอกจากนี้ลมเย็นที่จะเข้ามาช่วยก็ถูกสกัดไว้ในพื้นที่แอตแลนติคทางตอนเหนือ จึงทำให้ทางตอนใต้ของอเมริกาจะร้อนมากกว่าที่เป็นอยู่ อย่างไรก็ตามในช่วงสองสามวันข้างหน้า เรายังเห็นโอกาสที่บางรัฐอย่างดัลลัสจะไม่ได้มีความร้อนเพิ่มขึ้นสูงเกินกว่าระดับกลางๆ จนอาจจะเรียกได้ว่าใกล้เคียงกับระดับปกติ”
นอกจากนี้ naturalgasintel.com ยังประเมินด้วยว่าปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติของสัปดาห์นี้จะมีตัวเลขเฉลี่ยอยู่ที่ 91 bcf ซึ่งน้อยกว่าระดับสูงสุดในเดือนมิถุนายนประมาณ 2 bcf สิ่งที่เว็บไซต์แสดงความเป็นห่วงในระดับหนึ่งคือปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติที่ยังถือว่าน้อยจะเพียงพอต่อความต้องการในช่วงหน้าร้อนที่จะลากยาวไปถึงช่วงหน้าหนาวด้วยหรือไม่
ระดับปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลังยังไม่อยู่ในระดับที่เรียกว่า “ดี”
นักวิเคราะห์จาก Bespoke กล่าวว่า
“ตราบใดที่ปริมาณก๊าซธรรมชาติคงคลังยังไม่สามารถขึ้นไปแตะจุดสูงสุดของ YTD ได้ ขาขึ้นของก๊าซธรรมชาติก็จะดำเนินต่อไปเรื่อยๆ สาเหตุที่ราคาก๊าซธรรมชาติล่วงหน้าหลายตัวสามารถขึ้นไปวิ่งเหนือ $4 ได้เป็นเพราะตลาดประเมินแล้วว่ากำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติในตอนนี้ยังไม่เพียงพอที่จะรับมือกับช่วงฤดูหนาว ซึ่งกรณีนี้ไม่เหมือนกับปีที่แล้วที่เรามีซัพพลายมากกว่าความต้องการในช่วงโควิด”
นักวิเคราะห์จาก Tudor, Pickering, Holt & Co หรือ TPH ให้ความเห็นว่า
“อันที่จริงราคาก๊าซธรรมชาติก็แอบมีการย่อตัวลงมาบ้างเหมือนกับฝั่งซัพพลาย เนื่องจากว่าพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ที่ผลิตได้ปรับตัวลดลง 5% ของปริมาณการผลิตทั้งหมดในช่วงเริ่มต้นของสัปดาห์ โดยที่ค่าเฉลี่ยในช่วงครึ่งแรกของเดือนกรกฎาคมมีตัวเลขอยู่ที่มากกว่า 9%”
นักวิเคราะห์จาก EBW ปิดท้ายด้วยการวิเคราะห์ว่า
“ในช่วงนี้คนยอมเปลี่ยนมาใช้พลังงานความร้อนจากก๊าซธรรมชาติมากกว่าที่จะเป็นถ่านหินถึงแม้ว่าจะมีราคาที่แพงกว่า ดังนั้นในระยะสั้นจึงพูดได้ยากว่าขาขึ้นของก๊าซธรรมชาติจะไปสิ้นสุดที่ตรงไหน อาจจะเป็นไปได้ว่าขาขึ้นครั้งนี้จะหยุดก็ต่อเมื่อภาครัฐสามารถส่งก๊าซธรรมชาติเข้าไปในคลังได้อย่างเพียงพอแล้ว”