ท่ามกลางการปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ ของตลาดหุ้นวอลล์ สตรีท นักลงทุนบางคนก็เริ่มเป็นกังวลถึงอนาคตว่าแนวโน้มขาขึ้นนี้จะคงอยู่ไปได้อีกนานแค่ไหน ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มมองหาทางเลือกอื่นที่จะลดผลกระทบในวันที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2021
หนึ่งในหนทางรอดที่นักลงทุนเลือกคือการหันไปลงทุนในตลาดเกิดใหม่ ที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อว่าเป็นพื้นที่ที่ยังมีโอกาสเติบโตทางเศรษฐกิจมากมาย แม้ว่าตอนนี้ประเทศที่อยู่ในกลุ่มนี้กำลังเผชิญกับปัญหาโควิดสายพันธุ์เดลตา และยังไม่รู้ว่าแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์จะอยู่ที่ใด แต่หากพูดถึงเฉพาะในมุมมองของการเติบโตแล้ว ประเทศในแถบนี้ถือว่ามีมากกว่ากลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างแน่นอน ในบทความนี้เราจะมาแนะนำกองทุน ETF ที่มีการลงทุนในกลุ่มประเทศเกิดใหม่กัน
1. iShares MSCI Emerging Markets ex China ETF
- ระดับราคาปัจจุบัน: $61.92
- กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์: $44.50 - $63.74
- เปอร์เซ็นต์การปันผล: 1.35%
- อัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงาน: 0.25% ต่อปี
กองทุน ETF iShares MSCI Emerging Markets ex China (NASDAQ:EMXC) เป็นกองทุนที่ลงทุนในหุ้นของบริษัทขนาดกลางไปถึงใหญ่ในประเทศกำลังเกิดใหม่โดยไม่นับรวมบริษัทที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในประเทศจีน กองทุนนี้อ้างอิงราคาจากดัชนี ‘MSCI Emerging Markets ex China Index’ เริ่มต้นเปิดให้ลงทุนตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปี 2017 ปัจจุบันถือครองหุ้นรวมทั้งสิ้น 601 ตัว
สัดส่วนของพอร์ทการลงทุนนั้นแบ่งออกตามประเทศต่างๆ พวกเขาถือครองหุ้นของบริษัทจากไต้หวัน 22.62% เกาหลีใต้ 20.99% อินเดีย 16.13% บราซิล 8.20% แอฟริกาใต้ 5.55% รัสเซีย 5.16% ซาอุดิอาระเบีย 4.63% เม็กซิโก 2.72% ประเทศไทย 2.69% และอื่นๆ
หุ้นสิบอันดับแรกที่กองทุนถือครองคิดเป็นสัดส่วน 30% ของสินทรัพย์ทั้งหมดซึ่งมีมูลค่าอยู่ที่ $853 ล้านเหรียญสหรัฐ บริษัทชื่อดังที่ EMXC ถือครองล้วนแล้วแต่มีชื่อเสียงอยู่ในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ทั้งนั้น ยกตัวอย่างเช่น Taiwan Semiconductor Manufacturing (NYSE:TSM) Samsung Electronics (OTC:SSNLF) SK Hynix (KS:000660) Vale (NYSE:VALE) Naspers (OTC:NPSNY)
ในช่วง 52 สัปดาห์ล่าสุด กองทุน EMXC สามารถคืนกำไรให้แก่ผู้ถือครองแล้วเกือบ 38% และตัวหุ้นเองก็ได้ปรับตัวขึ้นมาตลอดทั้งปี 2021 คิดเป็น 7.2% พึ่งสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลไปเมื่อช่วงต้นเดือนมิถุนายน มีอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาตลาดของหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) และอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาหุ้นกับมูลค่าทางบัญชี (P/B) อยู่ที่ 21.30 และ 2.06 ตามลำดับ หากต้องการลงทุนใน EMXC ตอนนี้ควรรอให้ราคาย่อลงมาที่ $60 ก่อนจะเป็นจุดเข้าที่ได้เปรียบกว่า
2. iShares Latin America 40 ETF
- ระดับราคาปัจจุบัน: $30.67
- กรอบการวิ่งของราคาในรอบ 52 สัปดาห์: $20.62 - $32.52
- เปอร์เซ็นต์การปันผล: 2.13%
- อัตราค่าใช้จ่ายต่อการดำเนินงาน: 0.48% ต่อปี
กองทุน ETF iShares Latin America 40 (NYSE:ILF) เป็นกองทุนที่ลงทุนใน 40 บริษัทใหญ่ซึ่งมีฐานที่ตั้งอยู่ในประเทศแถบลาตินอเมริกา กองทุนนี้ก่อตั้งขึ้นในเดือนตุลาคมปี 2001 มีสินทรัพย์อยู่ภายใต้การจัดการอยู่ที่ $1,760 ล้านเหรียญสหรัฐ
ILF อ้างอิงราคาจากดัชนี S&P Latin America 40 แบ่งสัดส่วนการถือครองหุ้นออกเป็นกลุ่มธุรกิจได้แก่กลุ่มวัสดุก่อสร้าง 26.92% กลุ่มการเงิน 26.37% กลุ่มิสินค้าอุปโภคบริโภค 13.31% กลุ่มพลังงาน 12.49% กลุ่มเทคโลยีเพื่อข้อมูลข่าวสาร 5.61% กลุ่มโทรคมนาคม 5.28% และอื่นๆ
หุ้นสิบอันดับแรกที่กองทุนถือครองคิดเป็นสัดส่วน 55% ของสินทรัพย์ทั้งหมด 62% เป็นหุ้นของบริษัทในประเทศบราซิล ตามมาด้วยเม็กซิโก 21.91% และชิลีอีก 6.16% หุ้นชื่อดังที่กองทุนนี้ถือครองได้แก่ Vale Itau Unibanco (NYSE:ITUB) Banco Bradesco (NYSE:BBD) Petroleo Brasileiro (NYSE:PBR) Brasil Bolsa Balcao (SA:B3SA3)
ในปีที่แล้ว ILF ปรับตัวขึ้นมาทั้งสิ้น 34% แต่ปีนี้นั้นทำกำไรคืนให้แก่ผู้ถือครองไปแล้ว 5.1% สร้างจุดสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ไปเมื่อเดือนมิถุนายน แต่ก็ยังอยู่ต่ำกว่าจุดสูงสุดตลอดกาลที่ $37.5 ที่เกิดขึ้นในปี 2018 มีอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาตลาดของหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) และอัตราส่วนเปรียบเทียบระหว่างราคาหุ้นกับมูลค่าทางบัญชี (P/B) อยู่ที่ 22.77 และ 2.19 ตามลำดับ
สิ่งที่นักลงทุนควรทราบเกี่ยวกับการลงทุนในบริษัทที่อยู่ในโซนลาตินอเมริกาคือประเทศเหล่านี้พึ่งพิงการเติบโตทางเศรษฐกิจจากการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์ ดังนั้นหากคุณเป็นคนที่เชื่อว่าตลาดสินค้าโภคภัณฑ์มีโอกาสเติบโต ก็สามารถมองหาบริษัทที่สนใจและลงทุนในลาตินอเมริกาได้
ความเสี่ยงเดียวที่มีคือหากดอลลาร์สหรัฐแข็งค่า สกุลเงินหรือสินค้าโภคภัณฑ์ที่มาจากลาตินอเมริกาก็จะมีราคาลดลง กลับกัน หากคิดว่าอีก 6 เดือนต่อจากนี้ดอลลาร์จะอ่อนค่าลง ตลาดเกิดใหม่อย่างลาตินอเมริกาก็จะเป็นผู้ที่ได้ประโยชน์และมีโอกาสเติบโตในอนาคต