รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

ความนิยมของบิทคอยน์ ลดลงสวนทางกับการเติบโตของอีเธอเรียม

เผยแพร่ 13/07/2564 13:58
อัพเดท 09/07/2566 17:31

นับตั้งแต่บิทคอยน์ได้ปรับตัวลดลงมาจากจุดสูงสุดตลอดกาล $65,500 ดูเหมือนว่าบิทคอยน์จะได้ยกสถานะความเป็นผู้นำตลาดไปให้กับสกุลเงินอย่างอีเธอเรียมไปเรียบร้อยแล้ว เพราะในช่วงเวลาที่บิทคอยน์เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบราคาระหว่าง $40,000 - $30,000 อย่างเงียบๆ แต่อีเธอเรียมกลับสามารถปรับตัวขึ้นได้ (ไม่มาก) ซึ่งถือว่าค่อนข้างประหลาดที่เราจะได้เห็นสกุลเงินดิจิทัลวิ่งสวนทางกัน ในสภาพแวดล้อมที่คล้ายกัน

หากเปรียบเทียบในเชิงประวัติศาสตร์ บิทคอยน์ถือว่ามีประวัติการซื้อขายมายาวนานกว่าอีเธอเรียมมาก ในปี 2010 มูลค่าของเหรียญบิทคอยน์มีอยู่เพียง 5 เซนต์ เท่านั้น ก่อนจะกลายมาเป็น $65,500 ในวันที่ 14 เมษายน หากคุณเป็นคนที่ลงทุนกับบิทคอยน์ด้วยเงินเพียง $10 ในปี 2010 ตอนนี้เงินของคุณจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นมากถึง $31.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่อีเธอเรียมเคยมีราคาซื้อขายอยู่ที่ 75.33 เซนต์ในเดือนปี 2010 หากถือมาเรื่อยจนกระทั่งถึงวันที่อีเธอเรียมวิ่งขึ้นไปถึง $4,400 วันนั้นเงิน $10 จะมีมูลค่ามากกว่า $300 ล้านเหรียญสหรัฐ 

ถึงแม้ว่าทุกวันนี้อีเธอเรียมจะยังคงรั้งอยู่อันดับสองตามหลังบิทคอยน์ แต่ทุกครั้งที่โลกคริปโตมีการเปลี่ยนแปลงของราคา ก็มักจะเป็นอีเธอเรียมทุกครั้งที่สร้างความโดดเด่นให้กับวงการ ในปี 2017 เคยเกิดกระแสที่เรียกว่า ICO กับอีเธอเรียมมาแล้ว และในปี 2020 ที่ผ่านมา ก็ไม่มีเรื่องไหนดังเท่ากับการทำ DeFi บนแพลตฟอร์มที่รันอยู่บนอีเธอเรียม

สถานการณ์ปัจจุบันของบิทคอยน์และอีเธอเรียม

ยิ่งสกุลเงินดิจิทัลเติบโตขึ้นมากเท่าไหร่ ความท้าทายที่วงการนี้ต้องเผชิญก็ยิ่งมีมากขึ้น ลำพังแค่ความศรัทธาต่อโลกเสรีนั้นไม่พอที่จะทำให้วงการนี้ประสบความสำเร็จได้ จึงไม่แปลกที่เราจะได้เห็นคนเข้ามาหากินกับวงการนี้ จากกองเชียร์กลายเป็นกองแช่ง จากคนที่เคยเชื่อสุดใจกลับตั้งคำถามถึงระบบขุดเหรียญและหันไปบูชาเหรียญอื่นแทนอย่างเจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าเทสลา (NASDAQ:TSLA) หรือแม้กระทั่งประเทศที่เอาหลักการณ์ของบิทคอยน์ไปใช้เต็มๆ แต่กลับไล่แบนคริปโตอย่างเอาเป็นเอาตายอย่างประเทศจีนเพื่อเปิดทางให้กับสกุลเงินของตัวเองBitcoin Futures Weekly

ที่มา: CQG

กราฟรายสัปดาห์ในรูปนี้แสดงให้เห็นช่วงเวลาที่บิทคอยน์ล่วงหน้าปรับตัวลดลง 42.11% ในไตรมาสที่สอง จาก $65,520 ลงมาสร้างจุดต่ำสุดที่ $28,800 ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน ล่าสุดบิทคอยน์มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $33,500 โดยประมาณ Ethereum Futures Weekly 

ส่วนรูปนี้คือกราฟรายเดือนของอีเธอเรียมล่วงหน้าในช่วงไตรมาสที่สอง กราฟเคยสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลที่ $4,406.50 ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม ก่อนที่จะร่วงลงมายัง $1,697.75 ในช่วงปลายเดือนมิถุนายน เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม ราคาซื้อขายอีเธอเรียมมีตัวเลขอยู่ที่ $2,136

หากเทียบเฉพาะช่วงไตรมาสที่ 2 จะเห็นว่าบิทคอยน์ได้ปรับตัวลดลงมาจากช่วงสิ้นไตรมาสที่ 1 ปี 2021 ประมาณ 42.11% ซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันนั้น อีเธอเรียมกลับสามารถปรับตัวขึ้นได้ 16.60% และหากเทียบในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2021 จะพบว่าบิทคอยน์ได้ปรับตัวขึ้นมาจากจุดสิ้นสุดของปี 2020 อยู่ที่ 20.09% ในขณะที่อีเธอเรียมเติบโตได้มากถึง 205.19%

การปรับตัวขึ้นของอีเธอเรียมที่มากกว่าบิทคอยน์ถึง 10 เท่ากำลังส่งสัญญาณบางอย่างให้กับตลาดลงทุน และผู้ที่กำลังจับตาดูการเปลี่ยนแปลงของโลกการเงิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งทิศทางการเคลื่อนไหวของราคาและพฤติกรรมผู้ลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลที่อาจจะเปลี่ยนไปในช่วงครึ่งปีหลัง

ดูเหมือนว่าตลาดจะชอบพื้นฐานของอีเธอเรียมมากกว่าบิทคอยน์

หากจะให้เอาบิทคอยน์และอีเธอเรียมมาเปรียบเทียบกับตรงๆ ก็ดูเหมือนว่าจะยุติธรรมสำหรับทั้งสองฝ่ายเท่าไหร่ เพราะรูปแบบการใช้งานของเหรียญทั้งสองนั้นแตกต่างกันออกไปโดยสิ้นเชิง แม้ว่าอีเธอเรียมจะมีพื้นฐานการรันเหรียญอยู่บนบล็อกเชนเหมือนกัน แต่รูปแบบการใช้งานนั้นกลับไม่เหมือนกันเลย

สำหรับบิทคอยน์ในตอนนี้ได้แปรสภาพจากอุดมคติเดิมที่ว่าจะเป็นสกุลเงินกลางของโลก กลายมาเป็นพื้นที่สำหรับเก็บสะสมมูลค่า และกลายเป็นสัญลักษณ์ของการแสดงออกถึงเจตจำนงเสรีที่ต้องการปลดแอกระบบการเงินจากรัฐบาลหรือธนาคารกลาง ในขณะที่อีเธอเรียมถูกสร้างมาเพื่อเป็นสกุลเงินกลางที่ใช้บนแพลตฟอร์มของตัวเองเพื่อต่อยอดการทำธุรกิจด้วยสกุลเงินดิจิทัลต่อไปอีกหนึ่งขั้น 

เพราะฟินเทคฯ ยังคงเดินหน้าปฏิวัติอุตสาหกรรมการเงินโลกต่อไป และพยายามจะลดระยะเวลาการทำธุรกรรมให้ได้มากที่สุด และอีเธอเรียมก็เป็นส่วนหนึ่งของวงล้อนี้ ขณะที่บล็อกเชนของบิทคอยน์ไม่เหมาะสำหรับการนำไปต่อยอดทำเป็นธูรกิจอย่างอื่น แต่กลับกันบนอีเธอเรียมนั้น ผู้คนสามารถเข้ามาสร้างเหรียญของตนเอง ต่อยอดทางการเงินไปได้เรื่อยๆ เท่าที่ความคิดสร้างสรรค์ของคนๆ นั้นจะมี เราจึงได้เห็นการต่อยอดใหม่ๆ อย่างเช่น ICO หรือ DeFi เกิดขึ้นบนอีเธอเรียม จนเหรียญอื่นๆ ที่ต้องการจะเป็น infrastructure coin ต้องเลียนแบบและทำตาม 

ภาครัฐยังคงเป็นภัยคุกคามหลักต่อวงการคริปโตฯ

อันที่จริงไม่ว่าจะเป็นสกุลเงินที่มีความสร้างสรรค์มากแค่ไหน แต่หากขึ้นชื่อว่าเป็นคริปโตฯ แล้วก็ถือว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงในสายตาของภาครัฐทั้งนั้น ที่ผ่านมารัฐสามารถควบคุมพฤติกรรมของเราได้ผ่านระบบการเงิน เขาคือผู้กำหนดว่าสิ่งใดมีค่าหรือไม่มีค่าในระบบการเงิน แต่เมื่อมีบิทคอยน์เกิดขึ้น หมายความว่าหากท้ายที่สุดแล้ว สกุลเงินนั้นๆ จะไม่มีมูลค่าในสายตาของผู้ที่ใช้งาน แต่ผู้คนก็ยังสามารถเลือกที่จะไปถือครองบิทคอยน์แทนได้

นอกจากนี้อีกสิ่งหนึ่งที่ถือว่าเป็นจุดอ่อนสำหรับระบบการเงินของภาครัฐเลยคือความสามารถในการพิมพ์เงินออกมาได้อย่างไม่จำกัด หากวันเวลาผ่านไปเรื่อยๆ รัฐบาลก็ยังใช้วิธีพิมพ์เงินในการแก้ปัญหา เงินที่มีอยู่ในบัญชีของเราก็จะมีมูลค่าลดลงไปเรื่อยๆ เท่ากับว่าเราเอาต้นทุนที่เป็นเวลาไปแลกกับเงินที่มีแต่จะด้อยค่าลงเรื่อยๆ เทียบกันกับบิทคอยน์ที่มีจำนวนจำกัดและอีเธอเรียมที่สามารถเอาไปต่อยอดได้มากกว่าจะเป็นเพียงแค่สกุลเงิน รัฐจึงมองว่าสิ่งๆ นี้เป็นภัยต่อพวกเขาอย่างยิ่ง

ยิ่งมูลค่าของสกุลเงินดิจิทัลเติบโตขึ้นมากเท่าไหร่ เราจะยิ่งได้เห็นการให้ข้อมูลเชิงลบหรือการโจมตีสกุลเงินดิจิทัลจากภาครัฐมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่นการโจมตีท่อส่งน้ำมัน Colonial Pipeline ให้สหรัฐอเมริกาล่าสุด ฝั่งผู้ที่โจมตีก็ได้เรียกร้องเงินค่าไถ่เป็นบิทคอยน์ แม้จะไม่เกี่ยวข้องโดยตรงแต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าบิทคอยน์สามารถถูกนำไปใช้ในทางอาชญากรรมได้จริงๆ และยิ่งมีกรณีศึกษามากขึ้น รัฐก็จะยิ่งเรียนรู้วิธีที่จะควบคุมสกุลเงินดิจิทัลได้มากขึ้น

สำหรับอีเธอเรียมแล้ว ยิ่งพวกเขาเติบโตขึ้นมากเท่าไหร่ ในอนาคตก็อาจจะต้องเจอการกำกับดูแลมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งตราบใดที่อีเธอเรียมยังเป็นสกุลเงินที่มีเจ้าของอยู่ ไม่ได้ถูกปล่อยอิสระให้เหมือนกับบิทคอยน์ แม้แต่การถือกำเนิดของวงการ DeFi บนโลกอีเธอเรียมเองหากเติบโตขึ้นไปเรื่อยๆ จนภาครัฐรู้สึกว่าเป็นภัย ก็อาจจะมีการควบคุมที่อาจทำให้อีเธอเรียมสูญเสียอิสระทีมีอยู่ในตอนนี้ได้

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย