ภาพรวมการลงทุน - เราคาดว่า SET สัปดาห์นี้ (5-9 ก.ค.) จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,540-1,600 จุด เราคาดว่า SET สัปดาห์นี้ ยังคงผันผวนจากปัจจัยลบในประเทศ แม้จํานวนผู้ได้รับวัคซีนโควิดเฉลี่ยต่อวัน ปรับเพิ่ม แต่จํานวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน ปรับเพิ่มมากกว่าจํานวนผู้หายป่วยกลับบ้าน ขณะที่จํานวน ผู้ป่วยอาการหนักยังคงปรับเพิ่มต่อเนื่อง ในภาวะที่ระบบสาธารณะสุขในประเทศที่เริ่มตึงตัว ขณะที่ความ เชื่อมั่นต่อมาตรการของภาครัฐในการใช้มาตรการการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่บ้าน (Home Isolation) ยังไม่มาก เป็นปัจจัยกดดันภาพรวมการลงทุน สัปดาห์นี้ ต้องติดตามการเปิดเผยรายงานการประชุม (8 ก.ค.) ของคณะกรรมการกําหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ที่มีการประชุม เมื่อวันที่ 15-16 มิ.ย. เพื่อหาสัญญาณการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของสหรัฐฯ หลังที่ผ่านมาเฟดเริ่ม ส่งสัญญาณการเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินเร็วกว่ากําหนดเดิม กลยุทธ์การลงทุนเรายังคงเน้นลงทุนใน หุ้นในที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ได้แก่หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว รวมไปถึงค่าเงินบาทที อ่อนค่า หนุนหุ้นในกลุ่มส่งออก ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดทําการเนื่องในวันประกาศอิสรภาพ (Independence Day)
ปัจจัยเสียงจากต่างประเทศต่อภาพรวมการลงทุน
(1) สถานการณ์การแพร่ระบาด และการดําเนินการฉีด วัคซีนทั่วโลก หลังจํานวนผู้ติดเชื้อใหม่ในหลายประเทศ กลับมาเพิ่มขึ้นในอัตราเร่ง จากเชื้อไวรัสสายพันธุ์ Delta รวมทั้งสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศ และความสามารถในการฉีดวัคซีนในไทยว่า จะสามารถ เป็นไปตามเป้าหมายที่รัฐบาลวางไว้หรือไม่
(2) ประเด็นการเมืองระหว่างประเทศ หลังประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กล่าวว่าขึ้นพร้อมที่จะยืนหยัดเพื่อต่อต้านแรงกดดันจากต่างชาติ ในงานฉลองครบรอบ 100 ปีแห่งการก่อตั้ง พรรคคอมมิวนิสต์
(3) ประเด็น Global Corporate Tax จากที่กลุ่ม OECD ลงนามในข้อตกลงว่าด้วย นโยบายการจัดเก็บภาษีกับบรรษัทข้ามชาติ (Global Minimum Corporate Tax) ที่ระดับ 15% และ
(4) การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของเฟต หลังเฟตส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ภายใน ปี 2566 ไม่น้อยกว่า 2 ครั้ง ขณะที่ OE Tapering เราเชื่อว่าจะกระทบภาพรวมตลาด แต่ไม่มากเหมือนใน อดีต เนื่องจากภาวะปัจจุบันตลาดเริ่มประปัญหาสภาพคล่องล้นระบบ อีกทั้งภาพรวมเศรษฐกิจกลับมาฟื้น ตัวอย่างแข็งแกร่ง และทําให้เราคาดว่าเฟดจะใช้เวลาน้อยกว่าในอดีตในการปรับขึ้นดอกเบีย หลัง OE Tapering (เราคาดว่าเฟดจะเริ่มปรับตอกเบี้ย 4Q65) ติตตามการประชุม Jackson Hole Symposium (26-28 ส.ค.) การประชุม OPEC+ ยังคงต้องติดตาม หลังเลือนมาพูดคุยเพิ่มเติม 5 ก.ค. - จากผลการประชุมเมื่อวันที่ 2 ก.ค. กลุ่ม OPEC+ ยังไม่สามารถหาข้อสรุปเกี่ยวกับแผนการผลิตในเดือน ส.ค. โดยรายงานเบื้องต้นแกนนํา อย่าง ซาอุฯ และรัสเซีย เสนอการปรับเพิ่มกําลังผลิตน้ํามันดิบแบบค่อยเป็นค่อยไป เตือนละ 4 แสนบาร์เรล ต่อวัน ระหว่างเดือน ส.ค. ถึง ธ.ค. 2564 ขณะที่ UAE หนึ่งในสมาชิก OPEC แม้จะเห็นด้วยกับการเพิ่มกําลัง ผลิต 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ในช่วงที่เหลือของปี 2564 แต่ไม่เห็นด้วยกับการขยายเวลาการใช้มาตรการลดูผลิต น้ํามันที่จะสิ้นสุต เดือน เม.ย. 65 ออกไปเป็นเดือน ธ.ค. 65 รวมทั้งเสนอให้มีการกําหนดกําลังผลิตขั้นต่ํา เพื่อให้ UAE สามารถเพิ่มกําลังผลิตได้ โดยที่ผ่านมา UAE มีการลงทุนในการผลิตน้ํามันดิบเพิ่ม จนปัจจุบันมี ความสามารถในการผลิตน้ํามันดิบ 3.25-3.50 ล้านบาร์เรลต่อวัน ทําให้การประชุมยังคงไม่ได้ข้อสรุป และเลื่อนมาประชุมต่อในวันที่ 5 ก.ค. เรามองประเด็นดังกล่าวจะเป็น Sentiment เชิงลบเล็กน้อยต่อราคา น้ํามันดิบ และหุ้นในกลุ่ม Oil Play แต่เราเชื่อมองเป็นจังหวะเข้าลงทุน หากราคาหุ้นปรับลง โดยเรายังเลือก PTTEP และ PTTGC PTTEP (ชื่อ..ราคาเป้าหมาย 140 บาท) คาดกําไรสุทธิ 2064 แข็งแกร่ง - เราคาดว่ากําไรสุทธิ 2Q64 อยู่ที่ 9.6 พันล้านบาท ลดลง 1796QoQ หลังไม่มีกําไรพิเศษมากเหมือน 1064 แต่กําไรปกติ 2Q64 ยังแข็งแกร่งทั้ง QoQ และ YoY จากราคาขายและยอดขายปรับเพิ่มต่อเนื่อง Demand น้ํามันพื้น Supply กดดันไม่มาก หนุนราคาน้ํามันยืนสูง และเป็นปัจจัยบวกต่อแนวโน้มกําไรปกติ 3Q64 ยังแข็งแกร่งต่อเนื่อง ยังคงแนะนําซื้อ จากมุมมองเชิงบวกต่อราคาน้ํามันดิบ
บทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน - Earnings Preview: PTTEP, • ติดตามรายงานตัวเลขทางด้านเศรษฐกิจที่สําคัญวันนี้ - รายงานเศรษฐกิจที่สําคัญของญี่ปุ่น ได้แก่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการ (Services PMI) เดือน มิ.ย. / รายงานเศรษฐกิจที่สําคัญของจีน ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการ (Caixin Service PMI) เดือน มิ.ย. และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อรวม (Composite PMI) เดือน มิ.ย. /รายงานเศรษฐกิจที่สําคัญของไทย ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน มิ.ย. (คาดเพิ่มขึ้น 1.14%YoY) และตัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core CPi) เดือน มิ.ย. (คาดเพิ่มขึ้น 0.51%YoY)
มุมมองทางเทคนิค - เราคาดว่า SET Index วันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,555-1,595 จุด หุ้นแนะนําทาง เทคนิควันนี้ได้แก่ KEX FSMART SKE EPG และ THG
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities