รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

ถือเงินสด 25% ในพอร์ต รอโอกาสรอบใหม่

เผยแพร่ 29/06/2564 13:00
อัพเดท 09/07/2566 17:32

ถือเงินสด 25% ในพอร์ต รอโอกาสรอบใหม่ Top Pick เลือก AS, BDMS และ NER

หากเทียบเคียงรูปแบบการระบาดของ Covid-19 สายพันธ์Delta ในประเทศ อินเดียพบว่า จากจุดเริ่มต้นของรอบใหม่ไปถึงจุดสูงสุดของการระบาดพบว่า ใช้ระยะเวลาราว 2 เดือน ขณะที่ที่บ้านเราพบการเริ่มระบาดของสายพันธ์ ดังกล่าว 21 พ.ค.64 หากรูปแบบคล้ายกัน เท่ากับว่าเราต้องอยู่ภายใต้ สถานการณ์การระบาดที่รุนแรงของ Covid-19 ในประเทศไปอีกกว่า 3 สัปดาห์ ซึ่งถือเป็นเป็นความเสี่ยงต่อทั้งเศรษฐกิจและผลประกอบการบริษัท จดทะเบียน โดยในส่วนของกำไร บจ. ฝ่ายวิจัยได้เคยให้ความเห็นไปแล้วว่าใน งวด 1Q64 ที่ผ่านมาจะเป็นจุดสูงสุดของปี หลังจากนี้จะเห็นฐานกำไรที่อ่อน ตัวลง QoQ นอกจากนี้ยังอาจมี Downside สำหรับประมาณการ ภาวะที่ขาดปัจจัยบวกหนุนทำให้ SET Index ยังมีความเสี่ยงต่อการที่จะ ปรับตัวลดลงปรับลดลง โดยบริเวณ 1580 - 1585 จุด จะเป็นแนวต้าน พอร์ต จำลองให้ถือเงินสด 25% Top Pick เลือก AS, BDMS และ NER

ต่างประเทศยังไม่มีประเด็นอะไรใหม่ ที่มีผลต่อตลาดหุ้นไทยวันนี้ ตลาดหุ้นไทยวันนี้

ASPS ประเมินแกว่งตัวในกรอบ1550/1565 - 1585 จุดโดย ประเมินจากปัจจัยแวดล้อมยังไม่มีประเด็นใหม่ๆ และไม่มีอะไรเป็นพิเศษ โดย (0) ตลาดหุ้นทั่วโลก เมื่อคืนนี้ตลาดหุ้นยุโรปปรับลงราว 0.5%, แม้ตลาดหุ้นสหรัฐ ดัชนี Dow jones ปรับลง แต่ S&P และ Nasdaq ปรับเพิ่มขึ้นทำ New High โดยมีแรงหนุนจาก 1.) หุ้นในกลุ่ม Tech อาทิ NVIDIA+5%, Facebook+4.2%, Tesla (NASDAQ:TSLA) +2.5% ฯลฯ และ 2) กลุ่มธนาคารพาณิชย์สหรัฐ มีประเด็นบวกหลัง Fed รายงาน Bank สหรัฐรายงานผ่านผล Stress Test ล่าสุด เมื่อคืน กลุ่มสถาบันการเงิน เริ่มตั้งแต่ Morgan Stanley ประกาศจะ เพิ่มจ่ายเป็น 2 เท่าเป็น 70 เซนต์ต่อหุ้น ใน 3Q64 และจะซื้อหุ้นคืน 12 พันล้านดอลลาร์จนถึงมิ.ย. 2565 , JPMorgan Chase ประกาศจะเพิ่มเงินปัน ผลขึ้น 11% เป็น 1 ดอลลาร์ต่อหุ้น Bank of America จะเพิ่มขึ้นจ่ายเงินปัน ผล 17% เป็น 21 เซนต์หุ้น Goldman Sachs จะเพิ่มเงินปันผล 60% เป็น $2 ต่อหุ้น Wells Fargo จะเพิ่มเงินปันผลเป็น 2 เท่าเป็น 20 เซนต์ต่อหุ้น . ในส่วนของกลุ่ม Bank ไทย ASPS ประเมินจากแนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ชะลอ ตัวจาก Covid สายพันธ์ Delta ประเมินว่าคาดจะไม่เหมือน Bank สหรัฐ ดังกล่าว (-) ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับลงราว 2% แต่ยังยืนเหนือ 70 เหรียญ ล่าสุดอยู่ที่ 74.5 เหรียญฯ แรงกดดันก่อนการประชุม OPEC+ ในวันที่ 1 ก.ค. ในรอบนี้ ตลาด คาด OPEC+ จะมีการเพิ่มการผลิตน้ำมัน 5 แสนบาร์เรลต่อวัน ของเดือน ส.ค. ( มติการประชุมรอบที่แล้วกำหนดถึงแค่ เดือน ก.ค. คือจะเพิ่ม 4.4 แสนบาร์เรล/วัน มาอยู่ที่6.2 ล้านบาร์เรล/วัน) คาดเป็น Sentiment ลบช่วงสั้นต่อหุ้นน้ำมัน PTT (BK:PTT) (Buy: FV@B48.5) และ PTTEP (Buy: FV@B128)ซึ่งทั้ง 2 ตัวราคาหุ้นยัง Laggard ราคาน้ำมันดิบที่ปรับขึ้นมาแรงต่อเนื่องค่อนข้างมาก ยังคงคำแนะนำนทยอยสะสม ลงทุน

มาตรการเยียวยาแรงงาน 7.5 พันล้านบาท มีผลต่อเศรษฐกิจไม่มาก วันนี้ที่ประชุม ครม. จะพิจารณามาตรการเยียวยาผู้ประกอบการ – แรงงาน รวม 7 แสนคน ในกลุ่มธุรกิจรับเหมา และร้านอาหารที่ได้รับผลกระทบจากการ Lockdown 6 จังหวัด หลังจากเมื่อวานนี้รัฐบาลได้เห็นตรงกันในการออกมาตรการดูแลระยะเวลา 1 เดือน อาทิ มาตรการจ่ายค่าแรง 50% ไม่เกิน 7.5 พันบาท , จ่ายให้นายจ้างไม่เกิน 6 แสนบาท ฯลฯ (ดังรูป) โดยจะใช้เม็ดเงินรวมกันราว 7.5 พันล้านบาท มุมมอง ASPS ประเมินผลของมาตรการ คือ เป็นการบรรเทา แต่มีผลไม่มากนัก โดย ต้องติดตามว่าจะมีมาตรการอะไรออกมาเพิ่มหรือไม่ โดยรวมเชื่อว่าผลกระทบจากการ Lockdown 10 จังหวัดรวม 30 วัน 28 มิ.ย. ถึง 27 ก.ค. 2564 (30 วัน)ผลกระทบต่อ การเติบโตของเศรษฐกิจคาดว่าจะส่งผลให้ GDP ไทย งวด 2-3Q64 ชะลอตัวลงในและ มีโอกาสติดลบทั้ง %qoq และ %yoy ก่อนที่จะไปฟื้นงวด 4Q64 เนื่องจากฐานนงวด 3Q63 ที่ค่อนข้างสูง

นี่คือโฆษณาของบุคคลที่สาม ไม่ใช่ข้อเสนอหรือคำแนะนำจาก Investing.com ดูการเปิดเผยข้อมูลที่นี่หรือ หรือลบโฆษณา

Covid-19 สายพันธ์ Delta อาจเปิด Downside ใหม่ของ GDP ไทย ความกังวลจากการระบาด COVID-19 ใหม่ๆ คือ สายพันธุ์ Delta(พบครั้งแรกที่อินเดีย) เป็นประเด็นที่ตลาดกังวล โดยฝ่ายวิจัย ASPS ได้ย้อนกลับไปศึกษารูปแบบ (Pattern) การระบาดของอินเดีย ซึ่ง เผชิญ COVID-19 สายพันธุ์ Delta ที่ ช่วง ไตรมาส 1Q64 คือ เริ่มราววันที่ 13 มี.ค. 2564 จำนวนผู้ติดเชื้ออินเดียเร่งตัวจาก 24,882 รายมาแตะจุดสูงสุดที่ 414,188 ราย (เพิ่มขึ้น 15.65 เท่า) ภายในเวลา 55 วัน คือ Peak ในช่วง กลางเดือน พ.ค. หลังจาก นั้นจะใช้เวลาอีก 51 วัน ก่อนที่จำนวนผู้ติดเชื้อจะลดลง (ดังรูป) ส่วนไทย หากจำลองว่าการแพร่ระบาดคล้ายอินเดียดังกล่าว โดยในไทย พบสายพันธุ์ Delta ในวันที่ 21 พ.ค. 2564 (เวลานั้นไทยพบผู้ติดเชื้อ 3,481 ราย) หากประเมินว่า จะระบาดคล้ายอินเดีย ASPS คาดจำนวนผู้ติดเชื้อของไทยจะ Peak ทำจุดสูงสุดที่ 57,945 ราย (เพิ่มขึ้น 15.65 เท่า) ในช่วงประมาณวันที่ 15 ก.ค. 2564 (55 วัน) ก่อนที่ จะค่อยๆลดลงจนใกล้เคียงระดับเดิมในวันที่ 4 ก.ย. 2564 (อีก 51 วัน)

การขยายการจำกัดกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศไทย ยังต้องติดตามว่าจะมี การขยายต่อมากน้อยเพียงใด 2. การกระจายวัควีน และการนำเข้าวัคซีนหากล่าช้า หรือนำเข้าได้ไม่เป็นไปตาม แผน จะมีผลต่อการเปิดประเทศตามแผนที่รัฐบาลกำหนดไว้ กำไรตลาดฯ น่าจะผ่านจุด Peak ในงวด 1Q64 และช่วงที่เหลือมีอุปสรรคขวาง ไม่ให้ฟื้นเร็ว ยังชอบ NER, BDMS, AS ภาพการคาดหวังการฟื้นตัวแรงของกำไรบริษัทจดทะเบียนจากการทยอยเปิดเมือง ต่อเนื่องจากกำไรงวด 1Q64 ออกมา 2.60 แสนล้านบาท เติบโตแรง 135%yoy อาจถูก จำกัด และชะลอลงด้วยหลายปัจจัย หนึ่งในปัจจัยที่สำคัญ คือ การรับมือกับ COVID-19 ระลอกที่ 3 ทำให้ภาครัฐมีมาตการ ต่างๆ ออกมายับยั้งการแพร่ระบาด แต่ในอีกมุมหนึ่งก็ส่งผลให้การเติบโตของเศรษฐกิจ และกำไรบริษัทจดทะเบียนอาจชะลอลง เบื้องต้นหากวิเคราะห์ระยะเวลาที่ใช้รับมือ COVID-19 ระลอกใหม่นี้จะเห็นผลกระทบต่อการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียน ที่ชัดขึ้น เริ่มจากการควบคุมแบ่งโซนสีในแต่ละจังหวัดกินระยะเวลาไปนานกว่า 2.5 เดือน (ช่วง กลางเดือน เม.ย. - มิ.ย. 64) ต่อเนื่องด้วยมาตรการคุมเข้ม 10 จังหวัด (ช่วงเดือน ก.ค. 64) รวมกันกินระยะเวลาไปแล้วกว่า 3 เดือนครึ่ง จาก 9 เดือนที่เหลือของปี หรือคิด เป็นสัดส่วนเกือบ 38.8% ของช่วงเวลาทั้งหมดที่ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของ เศรษฐกิจและกำไรบริษัทจดทะเบียน (ไตรมาส 2, 3, 4) ให้ฟื้นตัวได้ช้ากว่าที่ตลาด คาด นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจากมาตรการควบคุมต่างๆ มีโอกาสกินระยะเวลานานขึ้น เนื่องจากประเทศไทยเริ่มพบการติดเชื้อสายพันธ์ใหม่มากขึ้น อาทิ สายพันธ์อินเดีย (อัตราการแพร่ระบาดเร็วกว่าปกติ)ซึ่งในอินเดียใช้ระยะเวลาควบคุมราว 3 เดือนครึ่งใน การแพร่ระบาดรอบล่าสุด ซึ่งไทยเราเริ่มพบผู้ติดเชื้อคนแรกตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค. 64 หากควบคุมได้เหมือนอินเดียอาจกินระยะเวลาไปจนถึงต้นๆ เดือน ก.ย. 64

ปัจจัยที่กล่าวมาถือเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียน ในช่วงที่เหลือของปี และยังมีอีกหลายประเด็นที่กดดัน ซึ่งนักลงทุนสามารถรอ ติดตามอ่านได้ในบทวิเคราะห์ Invest+ ประจำเดือน ก.ค. ในเช้าวันแรกของเดือน กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้ยังคงเน้น Selective Buy โดยเลือกหุ้นที่เสริมอาวุธ ป้องกัน COVID-19 อย่าง NER (ได้ Sentiment บวกจากบาทอ่อนค่า), BDMS (กระแสการตรวจ COVID-19) และ AS (กระแส Play at Home) เป็น Toppicks ใน วันนี้

บทความนี้จัดทำและเผยแพร่ครั้งแรกบนเว็บไซต์ ASIA Plus Securities

ความคิดเห็นล่าสุด

การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย