ถึงแม้ว่าโดยภาพรวมทั่วโลกจะสามารถฟื้นตัวจากวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 ได้ แต่ในรายละเอียดจริงๆ นั้นกลับพบว่ายังมีความเสี่ยงอีกมากมายที่อาจจะยืดสงครามครั้งนี้ให้ยาวไปอีกจนถึงปีหน้า สำหรับประเทศที่พัฒนาแล้ว พวกเขาอาจได้ฉลองปีใหม่กันจริงๆ ในช่วงปลายปีนี้ แต่สำหรับประเทศที่ด้อยพัฒนาหรือกำลังพัฒนา แม้แต่ความสามารถในการเข้าถึงวัคซีนดีๆ ยังมีข้อจำกัดอยู่มาก นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้บริษัทเกสัชภัณฑ์ส่วนใหญ่ต่างก็พยายามคิดค้นวัคซีนต้านโควิดของตัวเองขึ้นมาเพื่อหวังว่าจะสามารถทำกำไรจากประเทศที่ยังไม่สามารถเข้าถึงวัคซีนและได้ช่วยมนุษยชาติให้จบสงครามครั้งนี้ได้เร็วขึ้น
เชื่อว่าหลายๆ คนคงจะรู้จักและได้ยินชื่อวัคซีนยี่ห้อ ‘โมเดิร์นนา’ (NASDAQ:MRNA) บ่อยจนชินหู วัคซีนของโมเดิร์นนาถือเป็นวัคซีนอันดับต้นๆ ของโลกในตอนนี้พวกเขาได้ผลิตวัคซีนออกมาและกระจายออกไปยังพื้นที่ต่างๆ ของโลกอย่างสุดกำลังเท่าที่จะทำได้ ล่าสุดพวกเขามีแผนที่จะขอยื่นองค์การอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐฯ ให้รับรองเป็นวัคซีนฉุกเฉินภายในช่วงไตรมาสที่สาม รวมถึงการขออนุญาตให้ใช้วัคซีนกับวัยรุ่นในช่วงอายุ 12-17 ปี และบริษัทยังบอกอีกด้วยว่าพวกเขาจะสามารถผลิตวัคซีนได้ 150 ล้านโดสต่อเดือนภายในสิ้นปีนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างก็เหมือนจะเป็นข่าวดี แต่ทำไมราคาหุ้นของโมเดิร์นนากลับร่วงลงมาจากจุดสูงสุดตลอดกาลได้?
คำตอบนั้นก็คือศักยภาพของบริษัทคู่แข่งที่มีชื่อว่า ‘โนวาแวกซ์’ (NASDAQ:NVAX) ได้ออกมาให้ข่าวกับสาธารณะชนว่าการทดสอบวัคซีนต้านโควิดในเฟส 3 ที่มีรหัสว่า CoV2373 กับอาสาสมัครจำนวน 30,000 คนในสหรัฐฯ และเม็กซิโกได้ประสิทธิภาพวัคซีนมากถึง 90.4% นอกจากนี้เจ้า CoV2373 ยังสามารถต่อกรกับโควิดสายพันธุ์อื่นๆ ที่กำลังระบาดอยู่ในตอนนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเกือบ 100% และที่น่าสนใจมากที่สุดคือมีผลกระทบข้างเคียงเกิดขึ้นน้อยมาก และหากวัคซีนตัวนี้ของโนวาแวกซ์ได้รับการรับรอง พวกเขาอาจจะกลายเป็นคู่แข่งคนสำคัญในสมรภูมิประเทศกำลังพัฒนาหรือด้อยพัฒนาได้ นั่นคือเหตุผลที่ทำให้นักลงทุนค่อนข้างกังวลว่าการเดินเกมของโมเดิร์นนาจะล่าช้าเกินไปหรือไม่?
แต่จากการวิเคราะห์พฤติกรรมของราคาหุ้นโมเดิร์นนา เรากลับคิดว่านักลงทุนส่วนใหญ่ยังไม่ได้กังวลกับการมาของโนวาแวกซ์ขนาดนั้น เพราะหากกังวลเราก็คงไม่เห็นไส้ของแท่งเทียนที่มีความยาวขนาด $7 จากแท่งเทียนแบบนี้ เรากลับคิดว่าตลาดกำลังมองว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้ซื้อหุ้นโมเดิร์นนาในราคาที่ถูกลง (ถึงแม้จะยังอยู่ใกล้กับจุดสูงสุดตลอดกาลอยู่ก็ตาม)
พฤติกรรมของราคาหุ้นโมเดิร์นนาเริ่มเปลี่ยนไปจากเดิมที่วิ่งอยู่ในกรอบราคาระหว่าง $186.04 - $116.31 จะสังเกตว่าจุดต่ำสุดในวันที่ 19 พฤษภาคมไม่สามารถวิ่งกลับลงไปยัง $116 ได้ ซึ่งถือเป็นการเริ่มเทรนด์ขาขึ้นและลากยาวขึ้นมาจนหลุดกรอบ จนสามารถขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลได้ในวันที่ 7 มิถุนายนที่ $227.48 ก่อนที่จะร่วงลงมาเพราะข่าวโนวาแวกซ์ แต่การลงมาครั้งนี้ไม่ใช่เพราะนักลงทุนฝั่งขาขึ้นเหนื่อย เพียงแต่พวกเขาต้องการล็อกกำไรที่ได้จากขาขึ้นครั้งนี้เอาไว้ก่อนก็เท่านั้น
ความจริงที่ว่าราคาหุ้นของโมเดิร์นนาไม่ร่วงลงในทันทีหลังจากที่สร้างจุดสูงสุดใหม่แสดงให้เห็นว่ายังมีความต้องการหุ้นโมเดิร์นนาเข้ามาอย่างต่อเนื่อง แม้ขาขึ้นรอบเก่าจะขอปิดทำกำไรไปก่อน แต่ก็มีขาขึ้นรอบใหม่เข้ามารอช้อนทันที ตราบใดที่แรงขาขึ้นยังแข็งแกร่งอยู่เช่นนี้ เชื่อว่าอีกไม่นานเราจะได้เห็นหุ้นโมเดิร์นนาทะลุกรอบรูปธงเล็กๆ ในปัจจุบันนี้ขึ้นไป
หากทะลุขึ้นไปจริง แนวโน้มขาขึ้นอาจจะได้แรงกระทิงเข้ามาเสริมอีก เพราะการทะลุกรอบไซด์เวย์กับการเกิดแท่งเทียนขาขึ้นตามแท่งรูปแบบค้อน (Hammer) คือรูปแบบการยืนยันขาขึ้นชั้นเยี่ยม ที่สำคัญยังเป็นการยืนยันการกลายจากแนวต้านเป็นแนวรับของระดับราคาจิตวิทยา $200 ด้วย แต่จุดที่ต้องสังเกตก็คือบริเวณที่รูปแบบธงนี้เกิดขึ้นถือเป็นบริเวณที่สุดกรอบเทรนด์ไลน์ขาขึ้น (กรอบสีเขียว) เช่นกัน มีความเป็นไปได้ที่ราคาหุ้นอาจปรับตัวลดลงมาก่อนสักระยะ
หากนับเฉพาะแนวรับที่ไม่ใช่เส้นเทรนด์ไลน์แล้วยังถือว่าราคายังอยู่อีกไกลมากกว่าจะย่อลงไปถึง เส้นค่าเฉลี่ย 50 วันเลื้อยอยู่ที่ $170 โดยประมาณ ในขณะที่เส้นค่าเฉลี่ย 200 วันยังอยู่ที่ $127 ดังนั้นตราบใดที่ยังไม่หลุดแนวรับที่ราคา $200 ลงมา ก็ยังไม่มีอะไรให้ต้องเป็นกังวล เพียงแต่การที่อินดิเคเตอร์ ROC ยังไม่สามารถหลุดกรอบไซด์เวย์ของตัวเองได้ อาจทำให้ราคาหุ้นโมเดิร์นนาต้องไซด์เวย์พักฐานไปก่อน
กลยุทธ์การเทรด
เทรดเดอร์ที่ไม่ชอบความเสี่ยง จะรอให้หุ้นหลุดกรอบไซด์เวย์ด้านบนขึ้นไปก่อน และการทะลุนี้ต้องสามารถขึ้นไปให้ถึง $220 ให้ได้ นอกจากนี้อินดิเคเตอร์ ROC ต้องสามารถหลุดกรอบไซด์เวย์ขึ้นมาด้วย จากนั้นรอราคาให้วิ่งกลับลงมาทดสอบกรอบที่หลุดขึ้นไป ก่อนที่จะวางคำสั่งซื้อ
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง จะรอจนกว่าราคาหุ้นจะสามารถขึ้นยืนเหนือ $217 เพื่อให้แน่ใจว่ามีแรงซื้อที่เกิดจากการย่อตัวเกิดขึ้นมาจริงๆ
เทรดเดอร์ที่รับความเสี่ยงได้สูง สามารถสวนเทรนด์เทรดขาลงได้ ให้รอราคาหุ้นวิ่งกลับขึ้นไปทดสอบกรอบรูปธงด้านบนก่อน หรือรอให้ขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุดเดิมที่ $227 ถึงแม้ว่านี่จะเป็นการเทรดที่เสี่ยง แต่ก็ถือว่าได้ผลกำไรตอบแทนคุ้มค่า เพราะจุดเข้าคุณจะสวยมาก แต่ที่สำคัญที่สุด หากผิดแผนคุณต้องกล้าที่ตัดขาดทุนตามวินัยการเทรดที่วางแผนมา
ตัวอย่างการเทรด
- จุดเข้า: $213
- Stop-Loss: $215
- ความเสี่ยง: $2
- เป้าหมายในการทำกำไร:$193
- ผลตอบแทน: $20
- อัตราความเสี่ยงต่อผลตอบแทน: 1:10