🥇 กฎข้อแรกของการลงทุนหรือ? รู้ว่าเมื่อใดควรประหยัด! รับส่วนลดสูงสุด 55% สำหรับ InvestingPro ก่อนโปรโมชั่น BLACK FRIDAY จะหมดเขตรับส่วนลด

เผย 3 ปัจจัยหลักที่หนุนให้ราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวขึ้นในช่วงนี้

เผยแพร่ 15/06/2564 11:48
XAU/USD
-
GC
-
HG
-
CL
-
NG
-
PA
-
ZL
-
ZC
-
GPR
-
LXRc1
-
1ZEc1
-

การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ทำให้เกิดในสิ่งที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นมาก่อน มนุษย์ซึ่งเป็นสัตว์สังคมถูกสถานการณ์บังคับให้แยกกันอยู่ ราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าบนตลาด NYMEX ได้ปรับตัวลดลงไปจนติดลบ $40.32 ต่อบาร์เรล และใช้เวลากลับมาภายในเวลาเพียงแค่ปีเดียว 

เพื่อเป็นการต่อสู้กับวิกฤตโรคระบาด มนุษยชาติจึงพยายามโกงธรรมชาติด้วยการอัดเงินเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อพยุงเอาไว้ไม่ให้เศรษฐกิจล้ม สิ่งที่ตามมาก็คือราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เป็นตัวคานเงินเฟ้ออยู่แล้วต่างพากันมีราคาแพงขึ้นไม่ว่าจะเป็นทองแดง ไม้แปรรูป พาลาเดียมและ ทองคำ นั่นจึงเป็นเหตุผลส่วนหนึ่งที่ทำให้เราได้เห็นราคาน้ำมันดิบสามารถปรับตัวขึ้นตามมาด้วย

ความน่าสนใจของขาขึ้นในตลาดน้ำมันดิบครั้งนี้อยู่ตรงที่เราได้เห็นราคาปรับตัวไล่ขึ้นมาเป็นขั้นบันไดมาตลอด 14 เดือนติดต่อกัน และดูเหมือนว่าการสร้างขั้นบันไดนี้จะยังไม่ถึงจุดสิ้นสุดลงโดยง่าย

ภาพรวมทางเทคนิคของตลาดน้ำมันดิบ

ขาขึ้นของราคาน้ำมันดิบเมื่อสัปดาห์ที่แล้วสร้างจุดสูงสุดสูงสุดในปี 2021 และสูงที่สุดนับตั้งแต่เเดือนตุลาคมปี 2018Crude Light Weekly

ที่มา: CQG

กราฟรายสัปดาห์รูปนี้แสดงให้เห็นช่วงเวลาที่ราคาน้ำมันดิบสร้างจุดสูงสุดที่ $71.84 ต่อบาร์เรลในวันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน ราคาน้ำมันดิบสร้างขาขึ้นเป็นขั้นบันไดมาตั้งแต่ต้นเดือนพฤศจิกายนปี 2020 มีพักตัวนานพอประมาณในช่วงเดือนมีนาคม ในตอนนั้นราคาทำท่าเหมือนจะวิ่งลงไปต่ำกว่า $60 ต่อบาร์เรล ก่อนที่จะเปลี่ยนใจ วิ่งขึ้นยืนเหนือ $70 ต่อบาร์เรลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว Crude Light Monthly

ที่มา: CQG

กราฟรายเดือนรูปนี้แสดงให้เห็นความเป็นไปได้ในการวางเป้าหมายของตลาดน้ำมันดิบ ครั้งนี้เราวิเคราะห์ว่าราคาน้ำมันมีโอกาสวิ่งขึ้นไปถึงระดับราคา $76.90 ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของราคาน้ำมันดิบในเดือนตุลาคมปี 2018 หากขาขึ้นครั้งนี้สามารถไปถึงระดับราคานี้ได้จริง เราอาจจะต้องพิจารณาความเป็นไปได้ที่จะได้เห็นราคาน้ำมันที่เกิน $100 ต่อบาร์เรล ซึ่งไม่ได้เห็นมานานนับตั้งแต่ปี 2014

ปัจจัยมากมายที่ถาโถมเข้ามายังตลาดน้ำมันภายในเวลาเดียวกัน

อย่างที่ทราบกันดีว่าราคาน้ำมันดิบได้เข้าสู่โหมดขาขึ้นมาตั้งแต่จุดต่ำสุดในเดือนมีนาคม-เมษายนปีที่แล้ว และลากยาวมาจนถึงปัจจุบัน ครั้งสุดท้ายที่ราคาน้ำมันดิบสามารถทำสถิติขาขึ้นยาวนานขนาดนี้ต้องย้อนกลับไปถึงปี 2008 ที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจในสหรัฐฯ และหลังจากนั้นสามปี ราคาน้ำมันดิบก็สามารถวิ่งขึ้นถึงจุดสูงสุดตลอดกาลได้ภายในช่วงระหว่างปี 2011 - 2012

ในช่วงแรกที่เราเจอกับวิกฤตโรคระบาด สินค้าโภคภัณฑ์หลายตัวที่ไม่ใช่น้ำมันได้มีราคาที่แพงขึ้นจนสามารถขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดตลอดกาลได้ ไม่ว่าจะเป็นทองคำ ทองแดง ไม้แปรรูป พาลาเดียมและน้ำมันถั่วเหลือง แต่หลังจากนั้นราคาของสินค้าเหล่านี้ก็พักตัว ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ราคาน้ำมันดิบสามารถกลับขึ้นมาที่เดิม ณ $60 ต่อบาร์เรลได้แล้ว ก่อนที่จะขึ้นยืนเหนือ $70 ต่อบาร์เรลได้ในตอนนี้ ปัจจัยที่เราวิเคราะห์ว่าเป็นตัวส่งเสริมขาขึ้นของราคาน้ำมันดิบในครั้งนี้มีสามข้อ

ปัจจัยที่ 1: นโยบายพลังงานฉบับใหม่ของสหรัฐอเมริกา

บางทีปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้นอาจจะเกิดมาจากการยอมถอยลงจากสามอันดับแรกของประเทศผู้ที่ผลิตน้ำมันมากที่สุดในโลก ทันทีที่โจ ไบเดนเข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐอเมริกา นอกจากการพาสหรัฐฯ กลับเข้าสู่สนธิสัญญาปารีสแล้ว เขาได้ดำเนินการยกเลิกโปรเจคการสร้างท่อส่งน้ำมันจากเมืองอัลเบอร์ต้า แคนาดามายังรัฐเนแบรสกาในทันที และเพื่อเป็นการตอกย้ำว่าสหรัฐอเมริกาต้องเข้าสู่ยุคแห่งการเป็นผู้นำในด้านพลังงานสะอาดอย่างจริงจัง เขาได้ทำการระงับการขุดและการส่งน้ำมันมาจากอลาสก้าซึ่งอดีตประธานาธิบดีได้เปิดเอาไว้

ในเดือนมีนาคมปี 2020 สหรัฐอเมริกาเคยผลิตน้ำมันเฉลี่ยได้มากที่สุด 13.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน แต่จากการวัดของ EIA เมื่อวันที่ 4 มิถุนายนพบว่าสหรัฐอเมริกามีตัวเลขการผลิตน้ำมันต่อวันอยู่เพียง 11 ล้านบาร์เรลต่อวัน ถูกปรับลดลงมา 16% นับตั้งแต่จุดสูงสุดนั้นในเดือนมีนาคมปี 2020 ที่น่าสนใจก็คือข้อมูลจากเบเกอร์ ฮิวจ์ที่ระบุว่าแท่นจุดเจาะน้ำมันในสหรัฐฯ ก็มีการเปิดใช้งานเพิ่มขึ้นเป็น 365 แท่นในวันที่ 11 มิถุนายน เพิ่มขึ้น 166 แท่นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2020 การที่มีแท่นจุดเจาะน้ำมันเปิดใช้งานมากขึ้น แต่ปริมาณน้ำมันกลับน้อยลง หมายความว่ากำลังการผลิตหลักกำลังได้รับผลกระทบจากนโยบายพลังงานสะอาดของโจ ไบเดน

การที่สหรัฐฯ เอาจริงเอาจังกับการลดการใช้งานพลังงานน้ำมันทั้งๆ ที่อยู่ในช่วงเศรษฐกิจได้รับแรงกดดันจากเงินเฟ้อและความต้องการพลังงานกำลังกลับมา อาจเป็นโอกาสทองที่กลุ่มโอเปกและรัสเซียจะได้โอกาสกลับมาเป็นผู้ผลิตน้ำมันหลักของโลกอีกครั้ง แต่ในขณะเดียวกันก็อาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งรอบใหม่ระหว่างพี่ใหญ่ของกลุ่มโอเปกอย่างซาอุดิอาระเบียและรัสเซียได้

ปัจจัยที่ 2: เงินเฟ้อ

อย่างที่ได้กล่าวไปตอนต้นแล้วว่ามนุษยชาติได้พยายามฝืนกฎธรรมชาติด้วยการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และผู้ที่มีส่วนสำคัญกับความเป็นไปได้ที่กำลังจะเกิดเงินเฟ้อในอเมริกาตอนนี้คือธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) นั่นเอง เพื่อช่วยเหลือเศรษฐกิจของสหรัฐฯ เฟดจำเป็นที่ต้องทำ QE ด้วยการนำเงินมูลค่า $120,000 ล้านเหรียญสหรัฐต่อเดือนเข้าไปซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เอาไว้ และเฟดย้ำด้วยตัวเองเลยว่าตราบใดที่การจ้างงานยังไม่กลับมาเต็มที่ พวกเขาจะไม่มีวันถอนคันเร่งนี้เป็นอันขาด

ความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อที่ตลาดหุ้นวอลล์ สตรีทกำลังเป็นกังวลอยู่นั้นไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาคิดไปเอง แต่มีหลักฐานยืนยันชัดเจนจากการรายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) โดยกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ ล่าสุดตัวเลข CPI ของเดือนพฤษภาคมที่พึ่งประกาศไปเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 5% ในขณะที่ตัวเลข CPI พื้นฐานที่ไม่นับรวมราคาอาหารและพลังงานก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.8% สูงสุดที่ในรอบสามทศวรรษ 

และก็เป็นไปตามกลไกทางเศรษฐศาสตร์ เมื่อเงินในระบบเพิ่มขึ้นจนลดทอนคุณค่าของตัวมันเอง ตอนนี้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เป็นทรัพยากรซึ่งมีอยู่อย่างจำกัดจึงได้มีราคาแพงขึ้น ไม่เว้นแม้กระทั่งราคาน้ำมันดิบ

ปัจจัยที่ 3: ความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่นที่มีราคาเพิ่มขึ้น

การที่มนุษยชาติสามารถต่อกรกับไวรัสโควิด-19 ได้กลับกลายเป็นว่ายิ่งทำให้น้ำมันเป็นที่ต้องการมากยิ่งขึ้น เมื่อผู้คนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ พวกเขาก็ยังมีความต้องการเติมน้ำมันให้กับรถสันดาป ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางเพื่อไปทำงาน ท่องเที่ยว หรือแม้แต่การเดินทางข้ามรัฐด้วยเครื่องบิน 

ช่วงฤดูร้อนที่กำลังจะมาถึงนี้จะเป็นตัวพิสูจน์ชั้นดีว่าที่จริงแล้วชาวอเมริกันยังจะมีความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอยู่มากน้อยเพียงใด แต่นอกเหนือจากตลาดน้ำมันแล้ว ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทพลังงานอื่นๆ อย่างเช่นก๊าซธรรมชาติก็ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกันNatural Gas Weekly

ที่มา: CQG

กราฟรายสัปดาห์รูปนี้เป็นของตลาดซื้อขายก๊าซธรรมชาติล่วงหน้าที่สามารถขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดที่ $3.33 ต่อ MMBtu ได้ในวันที่ 11 มิถุนายน กลายเป็นการสร้างจุดสูงที่สุดในปี 2021 เมื่อวันศุกร์ที่แล้วราคาซื้อขายก๊าซธรรมชาตินี้มีราคาปิดตลาดอยู่ที่ $3.296 MMBtu ครั้งสุดท้ายที่ราคาก๊าซธรรมชาติสามารถวิ่งขึ้นมาได้สูงขนาดนี้ต้องย้อนกลับไปไกลถึงปี 2014Ethanol Swaps

ที่มา: CQG

ในตอนนี้สหรัฐอเมริกากำลังประสบปัญหาเรื่องราคาน้ำมันที่มีราคาแพงมากกว่าปกติ ราคาค้าส่งของน้ำมันหนึ่งแกลลอนตอนนี้มีราคาอยู่ที่ $2.31 ต่อแกลลอน ส่วนผสมสำคัญอย่างเอทานอลมีราคาซื้อขายสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2014 ตลาดเชื้อเพลิงชีวภาพก็กำลังปั่นปวนเช่นกันเมื่อราคาสินค้าอย่างเช่นข้าวโพดและ{8869|น้ำตาล}}มีราคาแพงขึ้น

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย