หากถามว่าในบรรดากลุ่ม FAANG หุ้นตัวใดคือหุ้นที่น่าเป็นดาวเด่นมากที่สุดในปีนี้? ส่วนตัวแล้วผมเลือกหุ้นของอัลฟาเบต...บริษัทแม่ของเสิร์ชเอ็นจิ้นชื่อดัง ‘กูเกิล’ (NASDAQ:GOOGL)
ไม่ใช่ว่างานเปิดตัว iOS15 ของแอปเปิล (NASDAQ:AAPL) ไม่ยิ่งใหญ่พอหรือกำไรของบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่อย่างอะเมซอน (NASDAQ:AMZN) ลดลง แต่เป็นเพราะเมื่อพิจารณาเฉพาะการเติบโตของผลกำไรจะพบว่ากูเกิลสามารถฟื้นยอดขายของตัวเองได้เร็วที่สุด กำไรที่ได้จากการฝากโฆษณาดิจิทัลในปีนี้ทำให้นักลงทุนหลายคนต้องประหลาดใจ นี่คือขาขึ้นที่เด่นที่สุดของหุ้นเทคโนโลยีครั้งแรกนับตั้งแต่ขาขึ้นในรอบการระบาดเมื่อปี 2020
เฉพาะปีนี้ หุ้นกูเกิลกระโดดขึ้นมาแล้ว 40% มีราคาปิดล่าสุดเมื่อวานนี้อยู่ที่ $2,402.30 สร้างขาขึ้นได้มากที่สุดเมื่อเทียบกับหุ้นในกลุ่ม FAANG ด้วยกันเอง ผู้เชี่ยวชาญบางคนเชื่อว่าขาขึ้นครั้งนี้ของกูเกิลได้อานิสงส์มาจากการอ่อนแรงของขาขึ้นในหุ้นกลุ่มอื่นๆ ด้วย
นอกจากนี้ สิ่งที่ดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาซื้อหุ้นกูเกิลมาขึ้นคือรายงานผลประกอบการในไตรมาสล่าสุด ข้อมูลจากรายงานผลประกอบการของบริษัทอัลฟาเบตที่วัดมาจนถึงวันที่ 31 มีนาคมระบุว่ามีกำไรเพิ่มขึ้น 35% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว บริษัทอัลฟาเบตในภาพรวมสามารถทำกำไรได้ $17,900 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้วอีกเช่นกัน สำหรับใครหลายๆ คน นี่คือสัญญาณบ่งบอกว่ากูเกิลสามารถกลับมาจากช่วงเวลาขาลงในปี 2020 ได้เรียบร้อย
นักวิเคราะห์ประเมินว่าโมเมนตัมเชิงบวกนี้จะคงอยู่ต่อไป เพราะตอนนี้ผู้บริโภคกำลังจะกลับมาค้นหาบริการหรือการท่องเที่ยวต่างๆ ทั้งร้านอาหาร การช็อปปิ้ง สถานที่พักผ่อนหย่อนใจ กิจกรรมทางเศรษฐกิจเหล่านี้ล้วนแต่ก่อให้เกิดกำไรจากการโฆษณาให้กับกูเกิล
ปัจจัยสนับสนุนเชิงบวกอื่นๆ
บทความวิเคราะห์จาก Barclays ระบุว่าพวกเขายังคงเลือกหุ้นอัลฟาเบตเป็นหุ้นตัวโปรดที่สุดในกลุ่ม FAANG พร้อมทั้งวิเคราะห์ด้วยว่าอนาคตของบริษัทยิ่งดูสดใสเมื่อสหรัฐอเมริกาสามารถจบวิกฤตโควิดได้ 100% ในขณะเดียวกันนั้น Barclays ก็ได้ปรับราคาเป้าหมายหุ้นอัลฟาเบตขึ้นจาก $2,500 ขึ้นเป็น $3,000
นักวิเคราะห์จาก Wedbush ผู้ที่เคยปรับราคาเป้าหมายหุ้นกูเกิลขึ้นเป็น $2,953 วิเคราะห์สถานการณ์ของบริษัทอัลฟาเบตเอาไว้ว่า
“คงไม่มีใครเถียงว่ากูเกิลของอัลฟาเบตถือเป็นธุรกิจหลักที่ล้มได้ยากมากๆ แล้วในยุคนี้ ยิ่งโลกดิจิทัลเติบโตขึ้นมากเท่าไหร่ ยิ่งธุรกิจต้องพัฒนาหันเข้าหาโลกดิจิทัลมากขึ้นเท่าไหร่ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่พึ่งพากูเกิล ตราบใดที่ยังไม่มีเสิร์ชเอ็นจิ้นตัวใหม่ที่สามารถขึ้นมาแข่งกับกูเกิลได้ ตราบนั้นกูเกิลก็จะยังได้กำไรจากการฝากโฆษณาแบบเต็มๆ และเติบโตกันไปยาวๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธุรกิจคลาวด์”
ถึงแม้ว่าจะมีคนมองว่าหุ้นกูเกิลหลังจากขึ้นไป 40% แล้วนั้นแพง แต่ก็มีกระแสตีกลับจากบริษัททางการเงิน 42 แห่งระบุว่าหุ้นกูเกิลยังมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อได้อีกมากกว่า 20% เป็นอย่างน้อย พวกเขาให้เหตุผลว่าอัลฟาเบตไม่ได้มีกำไรจากการฝากโฆษณาเพียงอย่างเดียว อย่าลืมว่าพวกเขามีกำไรจากการฝากโฆษณาใน YouTube ด้วย
ในช่วงที่มีการแพร่ระบาด อัลฟาเบตรายงานว่ามีผู้ใช้งาน YouTube เพิ่มมากขึ้น ที่สำคัญคือเป็นผู้ใช้งานในช่วงอายุ 25-49 ปี ซึ่งหมายความว่าพวกเขาหันมาหารายได้จากการทำคอนเทนต์ใน YouTube มากขึ้น กำไรในไตรมาสที่ผ่านมาที่นับเฉพาะ YouTube เพิ่มขึ้น 49% มีผู้ใช้งานรายวันบน YouTube Shorts (คู่แข่ง TikTok) เพิ่มขึ้นจาก 3,500 ล้านคนในช่วงสิ้นปี 2020 ขึ้นมาเป็น 6,500 ล้านคน และการทำงานจากที่บ้านยังทำให้ผู้คนต้องใช้บริการผ่านคลาวด์ของกูเกิลเพิ่มขึ้นด้วย
โดยสรุปแล้ว
ธุรกิจหลักอย่างการฝากโฆษณาบนเสิร์ชเอ็นจิ้นคงไม่ต้องพูดถึงว่าจะทำกำไรแบบไร้คู่แข่งได้มากขนาดไหน ที่น่าสนใจคือในปีนี้ธุรกิจรองอย่าง YouTube หรือคลาวด์ที่เติบโตขึ้นจะสามารถทำกำไรให้กับบริษัทอัลฟาเบตได้มากน้อยเพียงใด นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมหุ้นกูเกิลจึงเป็นที่น่าจับตามากที่สุดเมื่อเทียบกับเพื่อนในกลุ่ม FAANG ยิ่งสหรัฐฯ สามารถฟื้นตัวกลับมาได้เร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งส่งผลดีต่อการเติบโตของกูเกิลมากขึ้นเท่านั้น