SET: คาด SET Index วันนี้มีโอกาสรีบาวด์ขึ้นบ้าง หลังแกว่งด้วซึมๆเมื่อ วานนี้จากการอยู่ในโหมด Wait & See ของนักลงทุน เพื่อรอติดตามปัจจัย สําคัญจากต่างประเทศในช่วงสัปดาห์นี้และสัปดาห์หน้า ยังคงประเมิน กรอบการแกว่งด้วของดัชนสัปดาห์นี้ที่ 1580-1640 จุด สําหรับปัจจัย วันนี้ แนะน่าติดตามการพิจารณาพ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านของสภาฯ ซึ่งคาด ว่าจะผ่านความเห็นชอบได้ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด Strategy: ในแงกลยุทธ์ หลังจากที่แนะว่า Lock profit และลดพอร์ตการ ลงทุนไปบางส่วนช่วงปลายสัปดาห์ก่อนแล้ว มองว่านักลงทุนสามารถถือ ครองหันที่เหลือ โดยที่ยังไม่แนะนําให้เพิ่มน้ําหนักการลงทุนใหม่ อย่างไรก็ตาม สําหรับผู้ที่ต้องการเข้าซื้อหุ้นในช่วงนี้ ประเมินจาก ผลตอบแทน MTD ที่แสดงให้เห็นว่าธีมการลงทุนกลุ่มโรงไฟฟ้าของเรายัง มีผลตอบแทนที่ชนะตลาดไม่มากนัก จึงมองว่าสามารถทยอยเข่าสะสมหุ่น กลุ่มนี้ได้ ซึ่งได้แก่ BGRIM, GPSC, ACE, SSP, TPCH ซึ่งด้วย คุณลักษณะ Low beta ของกลุ่มโรงไฟฟ้าดังกล่าว ยังน่าจะทาให้เสียง ของพอร์ดโดยรวมลดต่ําลง สอดรับกับมุมมองภาพ Macro ของเราที่ ประเมินว่าในช่วงที่เหลือของเดือนนี้ยังคงมีปัจจัยผันผวนจากต่างประเทศ รออยู่ KBANK (BK:KBANK): Thai NVDR ออกประกาศแจ้งว่าได้พิจารณาและตรวจสอบแล้ว เห็นว่า ไม่ติดข้อจากัดการถือหุ้นหรือมีไว้ซึ่งหุ้น KBANK ในจํานวนที่ได้รับ อนุญาตจากธปท.แล้ว โดยหากใช้ข้อมูลสิ้นสุดเมื่อวานนี้ จะพบว่าสัดส่วน NVDR Holding ล่าสุดอยู่ที่ 22.3% (รูปที่ 1) ดังนั้น Thai NVDR จึงขอแจ้ง ยกเลิกการชะลอการลงทุนสําหรับหลักทรัพย์อ้างอิง KBANK และจะ ลงทุนในหลักทรัพย์อ้างอิงดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 8 มิ.ย.เป็นต้นไป มอง ปัจจัยดังกล่าวอาจเป็น Sentiment เชิงบวกเล็กๆต่อหุ้น KBANK ใน ระยะสั้น แต่หากอ้างอิงจาก Action ของ MSCI ในอดีต เราคาดว่า ทาง MSCI จะยังไม่มีการน่าวหุ้น KBANK นี้เข้าสู่การคานวณดัชนี โดยทันที โดยอาจต้องรออย่างเร็วที่สุดก็คือการพิจารณารายไตรมาส ถัดไปนั่นก็คือช่วงต้นเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้
China import: วานนี้จีนรายงานตัวเลขการนําเข้าสินค้าประจําเดือนพ.ค.ขยายตัว ที่ระดับ 51.1% ใกล้เคียงที่ตลาดคาดและถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2010 (รูปที่ 2) บ่งปีความแข็งแกร่งของอุปสงค์ภายในประเทศได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ หากเจาะดูใน รายละเอียดสินค้าที่ไทยเราส่งออกไปจีนในช่วงที่ผ่านมา จะพบว่า 5 อันดับสินค้าที่มี สัดส่วนส่งออกมากที่สุดในปีนี้จะได้แก่ 1) ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง 2) เม็ด พลาสติก 3) เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ 4) ผลิตภัณฑ์ยาง และ 5) ผลิตภัณฑ์มัน สําปะหลัง Rubber: มอง Implication ต่อตัวหุ้นไทยที่น่าจะยังได้อานิสงส์จากกําลังซื้อในจีน ที่สูงนี้ ได้แก่ กลุ่มผลิตภัณฑ์ยางอย่าง STA, STGT และ NER โดยในส่วนของ STGT ประเมินราคาที่ร่วงลงในช่วงที่ผ่านมารับรู้ข่าวร้ายกําลังการผลิตที่อาจหายไป บางส่วนจากการปิดโรงงานไปแล้ว ยังคงคําแนะนํา "ซื้อ" ที่ราคาเป้าหมาย 54 บาท ปัจจัยบวกคือราคา Implied glove price ที่เราคํานวณจากตลาดมาเลเซียนั้น ยังสามารถทรงตัวได้ในระดับสูง ในส่วนของ STA และ NER นั้น ประเมินได้อานิสงส์ จากมาตรการรถเก่าแลกรถใหม่ในจีน ส่งผลให้ความต้องการใช้ยางธรรมชาติอยู่ใน ระดับสูงเช่นกัน ยังคงแนะน่า "ซื้อ" STA ในเชิงพื้นฐานที่ราคาเป้าหมาย 53 บาท ส่าหรับ Catalyst ในระยะสั้นของ STGT และ STA คือการเตรียมด้วถูกบรรจุ เข้าสู่ดัชนี SET50 ซึ่งตลท.จะประกาศออกมาในช่วงกลางเดือนนี้
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Trinity Securities