ท่ามกลางความร้อนแรงของกระแสการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกา หุ้นกลุ่มหนึ่งที่กำลังฟื้นตัวกลับคืนมาได้น่าจับตาเป็นอย่างยิ่งคือหุ้นกลุ่มธนาคาร ขาขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคารรวมกันตอนนี้สามารถเอาชนะดัชนี S&P 500 Index ได้แล้ว นักลงทุนในตลาดมีความเชื่อว่าช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้ผ่านพ้นไปเรียบร้อย และการที่กิจการต่างๆ ในสหรัฐฯ สามารถกลับมาเปิดให้บริการได้ตามปกติจะทำให้กำไรของธนาคารกลับมาเติบโตดังเดิม
ดัชนีธนาคาร KBW ที่อ้างอิงราคาจากธนาคารชื่อดังของสหรัฐฯ อย่างเช่นเจพี มอร์แกน (NYSE:JPM) โกลด์แมน แซคส์ (NYSE:GS) แบงก์ ออฟ อเมริกา (NYSE:BAC) ฯลฯ ได้ปรับตัวขึ้นมา 40% ตลอดทั้งปี 2021 ในขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวขึ้นมาเพียง 10% เท่านั้น การฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของหุ่นกลุ่มธนาคารในครั้งนี้ทำให้นักลงทุนบางส่วนเป็นกังวลว่าพวกเขากำลังจะตกรถแล้วใช่หรือไม่
ความคิดนี้อาจจะถูกต้องสำหรับธนาคารขนาดเล็กถึงกลางบางแห่ง แต่สำหรับธนาคารขนาดใหญ่แล้ว ความคิดนี้ก็อาจจะยังไม่ถูกต้องซะทีเดียว เพราะส่วนมากธนาคารยักษ์ใหญ่มักจะกระจายความเสี่ยงไปลงทุนกับตลาดอื่น เพื่อคานความเสี่ยงในยามดอกเบี้ยตกต่ำ เมื่อเงินเฟ้อเริ่มเป็นที่พูดถึงของตลาดลงทุนมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้เชี่ยวชาญจึงเชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไม่ช้าก็เร็ว และนั่นจะทำให้การฝากเงินกับธนาคารกลับมาเป็นที่นิยมเหมือนดั่งแต่ก่อน ซึ่งจะส่งผลให้หุ้นของธนาคารเติบโตขึ้นตามไปด้วย
อีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยหนุนขาขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคารคือการที่ผู้บริโภคกลับมาใช้จ่ายใช้สอยในระดับที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากที่หยุดการจับจ่ายใช้สอยในช่วงระยะเวลาก่อนหน้า (pent-up demand) ปีที่แล้วความต้องการดังกล่าวได้หายไปในช่วงการระบาดของโควิด ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการรายเล็กขึ้นไปจนถึงเจ้าของบริษัทขนาดใหญ่ ต่างก็ได้รับผลกระทบจากโควิดจนทำให้ต้องเลื่อนแผนดำเนินการต่างๆ ออกไปก่อน เพื่อรักษาสภาพคล่องและลดความใช้จ่ายของบริษัท
แต่ปี 2021 นี้เชื่อได้เลยว่าสถานการณ์ของเหล่าผู้ประกอบการจะไม่เป็นเหมือนเดิม เพราะการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพของประธานาธิบดีโจ ไบเดนนับตั้งแต่วันที่เข้ารับตำแหน่งจนถึงปัจจุบันยิ่งทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัวกลับมาได้อย่างรวดเร็วไม่ว่าจะเป็นการใช้เงินกระตุ้นเศรษฐกิจมากถึง $1.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ และการกระจายเงินช่วยเหลือไปลงทุนกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ทำให้หลายฝ่ายเชื่อว่าธนาคารจะได้อานิสงส์การฟื้นตัวอย่างมีประสิทธิภาพนี้ไปตลอดทั้งปี 2021
การเอาตัวรอดมาจากช่วงวิกฤตคือคุณสมบัติที่ตลาดตามหา
นอกจากปัจจัยภายนอกที่ส่งเสริมการเติบโตให้กับหุ้นกลุ่มธนาคารแล้ว นักลงทุนยังให้ความสนใจกับธนาคารที่สามารถเอาตัวรอดจากวิกฤตโควิด-19 ได้ ยกตัวอย่างเช่นธนาคารเจพี มอร์แกนและโกลด์แมน แซคส์ที่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ ขนาดว่าโควิด-19 ทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องตกงานและมีเงินฝากกับธนาคารน้อยลง แต่ธนาคารทั้งสองก็ยังสามารถทำกำไรจากการลงทุนภายในช่วงเวลาดังกล่าวได้
เมื่อเปรียบเทียบขาขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคารกับหุ้นในกลุ่มอื่นๆ จะพบว่าตอนนี้หุ้นธนาคารมีความน่าดึงดูดเป็นอย่างมาก ตอนนี้หุ้นกลุ่มธนาคารมีราคาซื้อขายสูงกว่ากำไรที่คาดการณ์เอาไว้ในปี 2022 มากถึงสิบสามเท่า ในขณะที่เอสแอนด์พี 500 มีราคาซื้อขายสูงกว่าที่นักวิเคราะห์เคยประเมินเอาไว้ก่อนโควิดยี่สิบสองเท่า
นิตยสาร Wall Street Journal ได้อ้างอิงคำพูดของนักวิเคราะห์จากดอยซ์แบงก์ที่ระบุว่าตอนนี้ตลาดลงทุนยังไม่สามารถคาดการณ์ออกมาได้ว่าการเติบโตของเศรษฐกิจในระหว่างปี 2023-2024 จะเป็นเช่นไร ซึ่งหมายความว่าหุ้นธนาคารยังมีโอกาสเติบโตขึ้นไปได้อีก 25-50% ภายในช่วงสองปีดังกล่าว
โดยสรุปแล้ว
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในตอนนี้กำลังหนุนการเติบโตของหุ้นในกลุ่มธนาคารเป็นอย่างมาก ดังนั้นนักลงทุนที่ต้องการผลกำไรกลับมาจากหุ้นธนาคาร ควรที่จะมีหุ้นของเจพี มอร์แกน โกลด์แมน แซคส์และแบงก์ ออฟ อเมริกาเอาไว้ในพอร์ต เพราะธนาคารเหล่านี้มีเงินมากพอที่จะกระจายความเสี่ยงไปลงกับสินทรัพย์อื่นๆ จึงทำให้หุ้นของธนาคารชื่อดังมีโอกาสทำกำไรได้มากกว่า แม้จะอยู่ในยามวิกฤต