ปรับ Mindset รับมือตลาดหุ้นผันผวน 

เผยแพร่ 05/05/2564 12:42

ความกังวลเรื่อง COVID รอบที่ 3 คืบคลานขึ้นอีกครั้ง ตัวเลขผู้ติดเชื้อเฉลี่ยประมาณ 2,000 คนต่อวัน พื้นที่หลายจังหวัดถูกปรับมาเป็นโซนสีแดงเข้ม มีการควบคุมอย่างเข้มงวด ปรับเวลาเปิดปิดสถานที่เสี่ยงภัยมากขึ้น นักลงทุนเริ่มกังวลว่าตลาดหุ้นจะเซลงมาอีกรอบ

เหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก แต่ก็ทำให้เรากังวลใจได้ทุกครั้ง และบ่อยครั้งที่เราคิดไม่ออกว่าควรทำอย่างไรดี บ่อยครั้งที่พอเห็นตลาดหุ้นลงแรง ก็กลัวว่าจะลงต่อ และขายหุ้นออกจากพอร์ตทุกครั้งไป จนสุดท้ายพอหุ้นเด้งกลับมาเราก็ไม่กล้าซื้อคืน เรียกว่า พลาดโอกาสครั้งสำคัญทุกครั้งไป

วิตามินหุ้นฝากข้อคิดให้ทุกคนแบบนี้ครับเผื่อว่าจะช่วยได้

1. เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์มั้ย

ทุกครั้งเวลาเกิดวิกฤต ให้พิจารณาดูว่า เหตุการณ์นี้จะดีขึ้นได้ไหม อย่างไร เมื่อไหร่ เราเห็นแสงสว่างที่ปลายทางบ้างหรือเปล่า ถ้าเราวิเคราะห์ดูแล้วว่ายังไงเรื่องนี้ต้องจบ ตอนนี้เป็นแค่สถานการณ์ชั่วคราว แบบนี้เราจะมองเป็นโอกาส และถ้าเราคาดการณ์ได้ว่า จะจบเมื่อไหร่ เราก็จะได้หาจังหวะซื้อหุ้นได้ แต่ถ้าเหตุการณ์ยืดเยื้อ เราก็ต้องรอจังหวะเวลาซื้อให้เหมาะสม ถือเงินสดบ้าง หรือแบ่งไม้ซื้อหุ้นบ้าง

2 พื้นฐานเปลี่ยน หรือแค่ราคาที่เปลี่ยน

พิจารณหุ้นที่เรามี หรือสนใจ ที่ราคาร่วงลงมาเยอะๆ เป็นเพราะอะไร เป็นเพราะคนกังวลเลยขายหุ้นออกมา หรือว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกระทบกับกิจการ กระทบกับกำไรมากน้อยแค่ไหน ถ้าประเมินดูแล้วว่า พื้นฐานปกติ ขายสินค้าได้ปกติ การที่ราคาหุ้นลงมาก็ไม่ต้องกังวล อาจเป็นโอกาสในการซื้อเพิ่มด้วยซ้ำ เพราะเชื่อว่าสุดท้ายราคาก็จะสะท้อนคุณค่าของหุ้นตัวนั้นและกลับขึ้นไปเอง

ยกตัวอย่างให้เห็นภาพ เช่น ช่วงนี้เป็นช่วงประกาศงบไตรมาส 1 ถ้าเราคาดว่าหุ้นเหล็ก หุ้นเรือ หุ้นปิโตรเคมี หุ้นร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้าง หุ้นโรงพยาบาล งบน่าจะดี ราคาที่ลงมาก่อนงบออกมองว่าเป็นโอกาสในการซื้อด้วยซ้ำ พองบเฉลยถ้าดีจริง มวลชนก็จะกลับมาเอง

3. ยิ่งซื้อยิ่งลง ยิ่งรับมีดยิ่งบาดมือ

ถ้าเรามีหุ้น เวลาหุ้นลง เรามักจะรีบถัว เพื่อให้ทุนเราต่ำลง ยิ่งลงยิ่งถัว บางครั้งทุ่มสุดตัว จนเงินหมดพอร์ต โดยที่เราหารู้ไม่ว่า ตัวเลขที่เป็นเปอร์เซ็นต์ลดลงจริง แต่ตัวเลขเงินที่เป็นบาทนั้นเพิ่มขึ้นมหาศาล

เพราะฉะนั้น ก่อนที่จะรีบถัว หรือรีบรับมีดหุ้นที่ร่วงลงมา เราพิจารณาก่อนว่า พื้นฐานยังดีเหมือนเดิมมั้ย คำนวณก่อนว่าหุ้นตัวนี้ downside ต่ำ มี upside สูงกว่ามากๆ จุดที่เราซื้อตรงนี้ได้เปรียบ ไม่เจ็บตัวมาก ถึงค่อยพิจารณาแผนการซื้อกลับไป

4. รอจุดต่ำสุด แล้วค่อยซื้อดีมั้ย

นั่งดูตัวเลขผู้ติดเชื้อทุกวัน เดี๋ยวรอให้สถานการณ์คลี่คลาย เหลือตัวเลขน้อยๆ ก่อน ค่อยซื้อหุ้นน่าจะดี เพราะเราจะได้จุดต่ำสุด แต่ถ้าคิดแบบนี้ เรามักจะไม่เคยซื้อหุ้นได้ทัน เพราะตลาดมองไปล่วงหน้าก่อนเสมอ เอาง่ายๆ แค่เห็นตัวเลข 2 พันต้นๆ หรือต่ำกว่า 2 พัน ขอแค่ลดลงจากวันก่อนหน้า นักลงทุนก็จะเริ่มรู้สึกสบายใจขึ้น และหุ้นอาจจะไม่ลงแรงก็ได้

เพราะฉะนั้นประเมินมูลค่าของหุ้นที่เราสนใจดีกว่าครับว่าระยะยาวจะเป็นอย่างไร ถ้าลงมาที่ราคาเหมาะสม เราก็ซื้อตามแผนไป แต่ไม่ได้แปลว่าราคาจะไม่ลงต่อ เราอาจติดดอยชั่วคราวได้ เพราะให้คิดว่า เราไม่มีทางซื้อหุ้นได้ที่จุดต่ำสุด แต่เรามั่นใจว่า ราคาตรงนี้ได้เปรียบ ถ้าสถานการณ์กลับไปเป็นปกติ ราคาจะวิ่งไปยังจุดที่เหมาะสมเอง เราอาจจะติดดอยเล็กๆ ชั่วคราวเท่านั้นเอง

5. นั่งมองกำไรลดลงทุกวัน ขายก่อนแล้วรอรับใหม่ดีมั้ย

กรณีที่เรามีกำไรอยู่ แต่ตัวเลขมันลดลงทุกวันๆ เพราะตลาดไม่ดี ถ้าเราเล่นเก็งกำไร และตลาดไม่เอื้อ เราอาจขายล็อคกำไรตามจุด trailing stop ได้ แต่ถ้าเรามองเป็นการลงทุนระยะยาว และเราพิจารณาแล้วว่า ทุนที่เราซื้อเป็นราคาที่เหมาะสม พื้นฐานไม่ได้เสียหายอะไร เราก็อาจปล่อยให้กำไรในบัญชีลดลงชั่วคราว แล้วรอวันที่ราคามันจะกลับไปได้

เพราะปัญหาคือ หลายครั้งเรากะว่า ขายไปก่อน เดี๋ยวค่อยไปรอรับต่ำๆ หรือกะจะทำ short against port สุดท้ายเรามักจะไม่กล้าซื้อคืนตอนที่ราคามันเริ่มกลับมาแล้ว จนมันวิ่งไปไกลกว่าเดิม เราถึงกล้าอีกครั้ง

6. อย่าเปรียบเทียบสนามหญ้าหน้าบ้านคนอื่นว่าเขียวแค่ไหน

ไม่ว่าตลาดดีหรือแย่ จะมีคนที่ทำกำไรได้เสมอ หรือจะมีคนอวดกำไรเสมอ (ตัวไหนขาดทุนไม่โชว์) และเรามักจะอดเปรียบเทียบไม่ได้ว่า ทำไมเพื่อนเราเก่งจัง ตลาดแดงแต่พอร์ตเขียวได้ พอดูตัวเองทำไมมีแต่ตัวแดง ทำไมมีแต่ตัวขาดทุน ยิ่งเห็นคนนั้นคนนี้ เรายิ่งเครียด

สิ่งที่ผมกำลังจะบอกคือ เลิกเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น ให้เรามองที่เป้าหมายของตัวเองเป็นหลัก แล้วดูว่าเราเดินมาถึงตรงไหนแล้ว เดินหลงไปผิดทางหรือเปล่า เราวางแผนจะไปให้ถึงจุดหมายปลายทางอย่างไร เอาแค่นั้นพอ สนามหญ้าบ้านคนอื่นจะสีอะไรสวยแค่ไหนไม่ต้องสนใจหรอก เอาแค่ว่ารดน้ำสนามบ้านตัวเองให้สวยเป็นใช้ได้

มีเส้นบางๆ อยู่ในคำว่า “วิกฤต”

นั่นคือ ช่องว่างที่เราจะแทรกตัวเข้าไปหา “โอกาส” ในการลงทุน

อยู่ที่ว่า เราจะมองเห็น และวางแผนให้พร้อม เพื่อเข้าไปคว้ามาได้หรือเปล่า

บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกทาง Stock Vitamins - วิตามินหุ้น

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย