ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตลาดน้ำมันคือหนึ่งในผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มากที่สุด เชื่อว่าหลายคนยังคงจำกันได้กับภาพที่ต้องเห็นราคาน้ำมันดิบล่วงหน้าร่วงลงไปอยู่ต่ำกว่าระดับติดลบ แต่เมื่อมนุษยชาติเริ่มตั้งหลักได้ เริ่มสร้างวัคซีนและสามารถกระจายได้อย่างมีประสิทธิภาพ (ในบางประเทศ) ราคาน้ำมันก็ค่อยๆ ฟื้นตัวกลับขึ้นมาจนเรียกได้ว่าใกล้จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ เมื่อไตรมาสแรกของปี 2021 ปิดฉากลง นักลงทุนจึงอยากรู้ว่าในช่วงสามเดือนแรกของปี 2021 นี้บริษัทผู้ผลิตน้ำมันชั้นนำจะสามารถทำกำไรกลับได้มากน้อยเพียงใด
มีสัญญาณหลายอย่างที่บอกว่าตลาดน้ำมันกำลังกลับเข้าสู่สภาพปกติ เช่นกลุ่มประเทศผู้ผลิตและส่งออกน้ำมัน ‘โอเปกพลัส (OPEC+)’ ลดกำลังการผลิตน้ำมัน ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังจาก API และ EIA ลดลง การคลายมาตรการล็อกดาวน์ เป็นต้น เมื่อมีสัญญาณบวกเช่นนี้ นักลงทุนจึงสนใจว่าตัวเลขผลกำไรของบริษัทผู้ผลิตน้ำมันยักษ์ใหญ่อย่างเอ็กซอนโมบิล (NYSE:XOM) และเชฟรอน (NYSE:NYSE:CVX) ที่จะรายงานในวันที่ 30 เมษายนนี้จะสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาตามกระแสเชิงบวกนี้ได้ด้วยหรือไม่ การระบาดของเชื้อไวรัสโควิดในปีที่แล้วได้สร้างภาระหนี้สินให้กับทั้งคู่มากมายเหลือเกิน
ในการรายงานผลประกอบการไตรมาสที่สี่ปี 2020 ในเดือนมกราคม บริษัทเอ็กซอนโมบิลรายงานผลประกอบการตลอดทั้งปีขาดทุนเป็นครั้งแรกในรอบสามทศวรรษ มีการด้อยค่าของสินทรัพย์ $19,000 ล้านเหรียญสหรัฐและเมื่อนับภาระการมอบเงินปันผลเข้ามาแล้วพบว่าเอ็กซอนโมบิลมีกระแสเงินสดติดลบประมาณ $20,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
เชฟรอนซึ่งเป็นคู่แข่งคนสำคัญของเอ็กซอนโมบิลก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน ถึงจะมีสถานะทางการเงินที่ดีกว่า แต่ในปีที่แล้วเชฟรอนก็ต้องพับโครงการขยายฐานการขุดเจาะน้ำมันภายในช่วงห้าปีข้างหน้าออกไปและหันมาควบคุมสถานะทางการเงินแทน ข้อมูลระบุว่าปีที่แล้วเชฟรอนจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ที่หุ้น $9,700 ล้านเหรียญสหรัฐ มากกว่าที่จ่ายให้กับค่าใช้จ่ายสำหรับการลงทุนที่มีงบอยู่ที่ $8,900 ล้านเหรียญสหรัฐ นี่คือเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับเชฟรอนในรอบ 30 ปี
เมื่อราคาน้ำมันดิบปรับตัวกลับขึ้นมาแล้ว ประกอบกับการขายสินทรัพย์ออกไปบางส่วนและการควบคุมค่าใช้จ่าย ผู้เชี่ยวชาญจึงเชื่อว่าบริษัทเอ็กซอนโมบิลและเชฟรอนจะสามารถรายงานผลกำไรออกมาสูงขึ้นได้เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า คาดว่าเอ็กซอนจะมีรายได้เพิ่มขึ้น 18% คิดเป็นเงิน $55,180 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่เชฟรอนคาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้น 26%
การเพิ่มกระแสเงินสด
แม้ว่าสภาพแวดล้อมโดยรวมของตลาดน้ำมันจะดีขึ้นเรื่อยๆ แต่นักวิเคราะห์บางคนยังคงมองว่าทั้งสองบริษัทอาจจะยังไม่สามารถเพิ่มเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้ เอ็กซอนโมบิลเคยประกาศออกมาแล้วว่าจะคงตัวเลขการปันผลรายปีเอาไว้ที่ $15,000 ล้านเหรียญสหรัฐ พวกเขาจะเอากำไรที่ได้มาไปชำระหนี้ในช่วงโควิดก่อน แต่ก็ยังมีข่าวดีเมื่อเจพีมอร์แกนวิเคราะห์ว่าเป็นไปได้ที่กระแสเงินสดของเอ็กซอนโมบิลจะสามารถกลับขึ้นไปยัง $19,600 ล้านเหรียญสหรัฐได้ภายในสิ้นปีนี้
กอร์ดอน เกรย์ นักวิเคราะห์จากธนาคาร HSBC รายงานว่าถ้าเทียบบัญชีงบดุลของห้าบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เป็นผู้ผลิตน้ำมัน จะพบว่าเชฟรอนคือผู้ที่รักษาบัญชีงบดุลเอาไว้ได้ดีที่สุด รักษาไว้ได้ดีขนาดว่ามีเงินเหลือไปซื้อหุ้นของบริษัทตัวเองกลับคืนมาได้ เชฟรอนเคยกล่าวเอาไว้เมื่อเดือนมีนาคมว่าตราบใดที่เบรนท์ยังสามารถยืนเหนือ $60 ต่อบาร์เรล บริษัทอาจสามารถเพิ่มกระแสเงินสดขึ้นมาได้ประมาณ $25,000 ล้านเหรียญสหรัฐหรือมากกว่านั้นภายในปี 2025
“อย่าประมาทอุปสงค์ของน้ำมันดิบในปีนี้เด็ดขาด การเพิ่มขึ้นของอุปสงค์ในตอนที่โลกฟื้นตัวเต็มรูปแบบอาจมากเกินกว่าที่อุปทานจะไล่ตามทัน” - โกลด์แมน แซคส์ คาดการณ์ความต้องการน้ำมันดิบในยามที่ประเทศมหาอำนาจเริ่มกระจายวัคซีนไปยังประเทศที่ขาดแคลนมากขึ้น
โดยสรุปแล้ว
ถ้าการรายงานผลประกอบการของเอ็กซอนโมบิลและเชฟรอนในวันพรุ่งนี้ปรากฎว่ามีกระแสเงินสดเพิ่มขึ้น นี่อาจจะเป็นสัญญาณบอกว่าพวกเขาเริ่มมีกำลังทรัพย์ใช้หนี้ด้วยตัวเองและไม่ต้องกู้หนี้มาต่อหนี้อีกต่อไป ข่าวดีนี้จะส่งผลต่อภาพการฟื้นตัวของธุรกิจน้ำมันในสหรัฐอเมริกา รวมถึงภาพการฟื้นตัวของตลาดน้ำมันโลกด้วย