จากการปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งของกองทุนหุ้น ETF ด้านพลังงานมาตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน (23 มีนาคม) พบว่าหุ้นในกลุ่มพลังงานยังคงเป็นกลุ่มที่ปรับตัวขึ้นได้มากที่สุดเมื่อเทียบกับหุ้นกลุ่มอื่นๆ ของสหรัฐอเมริกา แม้ว่าการฟื้นตัวกลับขึ้นมาจากจุดต่ำสุดจนถึงปัจจุบันจะทำให้หุ้นกลุ่มพลังงานเป็นกลุ่มที่ฟื้นตัวแรงที่สุดในปี 2021 แต่ก็เริ่มมีสัญญาณแล้วว่าหุ้นกลุ่มอื่นที่ได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจกำลังค่อยๆ ปรับตัวกลับขึ้นมาแล้วด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตามเมื่อนำกองทุนที่เป็นตัวชี้วัดของหุ้นแต่ละกลุ่มมาเปรียบเทียบกันจะเห็นว่าหุ้นกลุ่มพลังงานยังมีการฟื้นตัวมากกว่าอย่างมีนัยสำคัญ จากราคาปิดเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาพบว่ากองทุนจากหุ้นกลุ่มพลังงาน (NYSE:XLE) ปรับตัวขึ้นมา 27.5% จากช่วงเริ่มต้นปี 2021 ถึงวันอังคาร ในขณะที่กองทุน SPDR ของหุ้นการเงิน (NYSE:XLF) ปรับตัวขึ้นมาได้เพียง 4.5% เท่านั้นเมื่อเทียบในช่วงเวลาเดียวกัน
ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการกลับมาของหุ้นเทคโนโลยีเชื่อว่าคุณผู้อ่านคงจะเดาได้ไม่ยาก...ความเชื่อและความคาดหวังว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯได้กลับมาแล้ว นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับภาพการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่ แล้วเศรษฐกิจขนาดเล็กหล่ะ มีส่วนช่วยการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจด้วยหรือไม่?
ไมเคิล อาโรน หัวหน้านักวางกลยุทธ์การลงทุนของบริษัทที่ปรึกษาการลงทุน State Street Global Advisors กล่าวว่า:
“ราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นได้ตอนนี้เพราะอุปสงค์ที่มีมากกว่าอุปทาน เรายังต้องจับตาการเติบโตนี้ต่อไปจนกว่าจะได้เห็นวันที่ตลาดแสดงมูลค่าที่แท้จริงออกมา”
ข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจระดับจุลภาคนั้นไม่มีความสอดคล้องกับตัวเลขในระดับมหภาค เราพบว่าตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ใช้เป็นตัวบ่งชี้หลักๆ อย่างดัชนีวัฎจักรทางธุรกิจ ADS โดยธนาคารกลางฟิลาเดเฟียที่สะท้อนให้เห็นถึงการส่งออกของอเมริกานั้นหดตัว แม้จะมีคนกล่าวว่านี่เป็นเพียงความผันผวนในระยะสั้นซึ่งไม่ได้กระทบกับภาพใหญ่อะไร แต่ตัวเลขล่าสุดที่ออกมาลดลงก็แสดงให้เห็นความคาดหวังที่มีต่อการฟื้นตัวลดลงด้วย
รายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจรายเดือนอย่างดัชนีกิจกรรมทางเศรษฐกิจจากเฟดชิคาโก (CFNAI) ในเดือนกุมภาพันธ์ก็ปรับตัวลดลงเช่นกันและเป็นครั้งแรกที่ดัชนีฯ นี้ปรับตัวลดลงไปจนติดลบนับตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2020 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ไวรัสโควิด-19 กำลังระบาด
แม้ว่าข้อมูลทั้งสองตัวเลขจะชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดการชะลอตัวทางเศรษฐกิจชั่วคราว นักวิเคราะห์บางส่วนที่เชื่อในพลังบวกก็มองว่าตราบใดที่สหรัฐอเมริกายังสามารถกระจายวัคซีนต้านโควิดได้อย่างต่อเนื่อง ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่จะทยอยออกมานับจากนี้ก็จะเป็นตัวเลขที่แสดงให้เห็นการฟื้นตัวที่ดีขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อหันมาพิจารณากราฟยอดผู้เสียชีวิตรายวันจากโควิดที่วัดถึงวันที่ 23 มีนาคมจะพบว่าเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันได้วิ่งลงมาต่ำกว่าระดับผู้เสียชีวิตวันละ 1,000 คนต่อวันเป็นวันที่สองติดต่อกันแล้ว นับเป็นจุดต่ำสุดในรอบสี่เดือนของกราฟนี้เลยทีเดียว
ถึงดัชนี CFNAI จะปรับตัวลดลงก่อนหน้านี้ แต่ข้อมูลคาดการณ์ตัวเลข GDP ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2021 ยังคงเป็นบวก ยกตัวอย่างเช่นการประเมินตัวเลข GDP โดย GDPnow model ของเฟดแอตแลนตาคาดการณ์ว่าตัวเลข GDP ในไตรมาสที่ 1 ของการส่งออกจะเพิ่มขึ้นเป็น 5.7% เทียบกับตัวเลข GDP ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2020 ที่ปรับตัวขึ้นมา 4.1%
นอกจากนี้ผลประเมินดังกล่าวยังระบุด้วยว่าหุ้นในกลุ่มที่เคยฟื้นตัวตามหลังเพื่อนกลุ่มอื่นๆ อาจจะสามารถฟื้นตัวกลับมาจนแซงหุ้นบางกลุ่มได้ ยกตัวอย่างเช่นหุ้นในกลุ่มสาธารณูปโภคซึ่งอ้างอิงจากกองทุน Utilities Select Sector SPDR (NYSE:XLU) และกลุ่มสินค้าจำเป็นโดยอ้างอิงจากกองทุน Consumer Staples Select Sector SPDR (NYSE:XLP) เป็นสองกลุ่มที่ถูกระบุว่ากลับมาทำผลงานได้ดีขึ้นในเดือนนี้ หากเทียบเฉพาะเดือนนี้แล้วสองกลุ่มนี้ถือว่าทำผลงานได้ดีกว่าหุ้นกลุ่มพลังงาน และกลุ่มการเงินเสียอีก
กลับมาสู่คำถามของบทความนี้ สรุปแล้วหุ้นกลุ่มพลังงานกำลังจะเสียความเป็นผู้นำให้หุ้นกลุ่มอื่นไปใช่หรือไม่? คำตอบข้อนี้คงไม่มีใครกล้าฟันธง แต่ถ้าข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจในสัปดาห์หน้าปรับตัวลดลงต่ำกว่าที่คาดการณ์ หุ้นในกลุ่มสาธารณูปโภคและสินค้าจำเป็นจะได้รับอานิสงส์มากกว่าหุ้นในกลุ่มพลังงาน