แม้ว่าผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 16-17 มีนาคมจะได้ข้อสรุปว่ายังไม่มีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยกับคงนโยบายการเงินเอาไว้ดังเดิม พร้อมทั้งเรียกร้องให้นักลงทุนเชื่อมั่นในคำพูดของธนาคารกลางฯ มากเท่าไหร่ นักลงทุนก็ยังคงเป็นกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อและยังคงจับตาดูตลาดผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด เพราะภายหลังการประกาศผลการประชุม กราฟผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีก็สามารถขึ้นไปแตะจุดสูงสุดที่ 1.75% ได้เป็นครั้งแรกในรอบปี
ขาขึ้นของผลตอบแทนพันธบัตรฯ สามารถมองได้ในสองแง่มุม มุมหนึ่ง (ของเฟด) คือสัญญาณการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและอีกมุมหนึ่ง (ของนักลงทุน) มองว่าปรากฎการณ์นี้คือสัญญาณของอัตราเงินเฟ้อ ส่งผลให้ตลาดเทหุ้นกลุ่มเติบโตซึ่งมีความเสี่ยงสูงอย่างกลุ่มเทคโนโลยี หันไปถือหุ้นกลุ่มวัฎจักรที่กำลังได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจมากขึ้น
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ส่งผลให้ดัชนีแนสแด็กปรับตัวลดลงในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา หากวัดจากจุดสูงสุดในเดือนก่อนจะพบว่าดัชนีแนสแด็ก ณ ปัจจุบันยังคงวิ่งอยู่ต่ำกว่าจุดสูงสุดนั้น 7% แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราก็ยังสามารถหาหุ้นที่น่าสนใจประจำสัปดาห์นี้มาฝากคุณผู้อ่านอยู่เช่นเคย
1. GameStop
หุ้นที่เรียกความสนใจและกลายเป็นมหากาพย์แจ็คผู้ฆ่ายักษ์สุดโด่งดังในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์อย่าง “เกมสต็อป” (NYSE:GME) จะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2020 ในวันอังคารที่ 23 มีนาคมหลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด นักวิเคราะห์คาดว่าเกมสต็อปจะสามารถรายงานผลกำไรออกมาอยู่ที่ตัวเลข $2,210 ล้านเหรียญสหรัฐและมีตัวเลขกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $1.35
นี่คือรายงานผลประกอบการหลังจากที่บริษัทได้แต่งตั้งแม่ทัพคนใหม่นายไรอัน โคเฮ็น อดีตผู้ก่อตั้งบริษัทชิวอี้ (NYSE:CHWY) ซึ่งเป็นบริษัทเดลิเวอรี่อาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงชื่อดังขึ้นมารับตำแหน่งและสัญญาว่าจะคืนชีพเกมสต็อปให้ได้ผ่านการผลักดันบนโลกของ e-commerce
ก่อนหน้าการรายงานผลประกอบการครั้งนี้ไรอัน โคเฮ็นได้เริ่มแผนเปลี่ยนโฉมเกมสต็อปไปบางส่วนแล้ว เขาได้ดึงตัวผู้มีประสบการณ์ที่เคยทำงานกับบริษัทชั้นนำมากมายมาเข้ามาร่วมแผนปฏิวัติและให้ตำแหน่งที่เหมาะสมกับความสามารถของแต่ละบุคคล ไรอันเชื่อว่าแผนการครั้งนี้จะช่วยพาเกมสต็อปกลับเข้าสู่ธุรกิจในโลกที่เทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อนได้พร้อมทั้งสามารถทำกำไรคืนให้กับผู้ถือหุ้นด้วย
ก่อนหน้านี้หุ้นเกมสต็อปปรับตัวขึ้นมาเพราะการปั่นราคาของนักลงทุนรายย่อยที่มีความต้องการเพียงแค่อยากจะสั่งสอนนักลงทุนสถาบัน แต่ด้วยแผนเปลี่ยนโฉมองค์กรครั้งนี้จะทำให้เกมสต็อปสามารถกลับมายืนด้วยตัวเองได้อีกครั้งจากมูลค่าที่แท้จริงของบริษัท ล่าสุดหุ้นเกมสต็อปมีราคาซื้อขายอยู่ที่ $200.27
2. Adobe Systems
บริษัทอะโดบี (NASDAQ:ADBE) เจ้าของซอฟต์แวร์ตกแต่งรูปอันโด่งดัง “โฟโต้ช็อป (Photoshop)” จะรายงานผลประกอบการแบบปีบัญชีของไตรมาสที่ 1 ปี 2021 ในวันอังคารที่ 23 มีนาคมหลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด นักวิเคราะห์คาดว่าอะโดบีจะสามารถรายงานตัวเลขผลกำไรออกมาอยู่ที่ $3,760 ล้านเหรียญสหรัฐและมีตัวเลขกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $2.79
รายงานผลประกอบการครั้งล่าสุดที่เกิดขึ้นในช่วงโควิดระบุว่ามีผู้ใช้งานต้องการใช้บริการของอะโดบีเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก แสดงให้เห็นว่าซอฟต์แวร์ใหม่ๆ ที่ชานทานู่ นาราเยน CEO ของอะโดบีได้สร้างขึ้นมาสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคและทำให้กำไรของอะโดบีเติบโตขึ้น
ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา อะโดบีได้เปิดตัว “อิลลาสเตรเตอร์ (Illustrator)” บนไอแพด (iPad) ของแอปเปิล (NASDAQ:AAPL) ซึ่งได้รับกระแสตอบรับดีมากๆ เพราะผู้ใช้งานบนไอแพดสามารถสร้างสรรค์งานด้วยปากกาบนไอแพดได้เลย สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า
“อะโดบีจำเป็นที่จะต้องขยายฐานผู้ใช้งานจากซอฟต์แวร์ที่พวกเขามีอยู่ไปก่อน เนื่องจากกำไรจากการทำการตลาดและโฆษณายังไม่เข้าไปเท่าไหร่ในปีนี้”
นับตั้งแต่ต้นปี 2021 มาจนถึงปัจจุบัน หุ้นอะโดบีปรับตัวลดลงมาแล้ว 12% ทำผลงานได้แย่กว่าดัชนีแนสแด็ก ล่าสุดหุ้นอะโดบีมีราคาปิดอยู่ที่ $441.50 ปรับตัวขึ้นมาได้ 0.53%
3. Visa
น่าจะเป็นอีกหนึ่งสัปดาห์ที่หนักหน่วงสำหรับบริษัทเจ้าพ่อเครดิตการ์ดยักษ์ใหญ่วีซ่า (NYSE:V) หลังจากมีรายงานว่ากระทรวงยุติธรรมของสหรัฐอเมริกาได้เริ่มสอบสวนธุรกิจบัตรเดบิตของวีซ่าและนโยบายการแข่งขันทางการค้าของบริษัท
สำนักข่าว Wall Street Journal รายงานว่าคนจากกระทรวงยุติธรรมได้เริ่มเก็บหลักฐานข้อมูลนโยบายการใช้งานบัตรเครดิตของวีซ่าตั้งแต่บ่ายวันศุกร์ สิ่งที่กระทรวงยุติธรรมต้องการทราบก็คือวีซ่าได้มีพฤติกรรมลดช่องทางของผู้ค้าในการกำหนดเส้นทางการทำธุรกรรมด้วยบัตรเดบิตผ่านเครือข่ายราคาถูกหรือไม่
นอกจากนี้ผู้สืบสวนยังจะมีการตรวจสอบนโยบายค่าธรรมเนียมของวีซ่าด้วยว่ามีความเป็นธรรมอยู่หรือไม่ ปัจจุบันหุ้นวีซ่ามีราคาซื้อขายอยู่ที่ $206.90 ปรับตัวลดลงมาเมื่อวันศุกร์ 6%