🥇 กฎข้อแรกของการลงทุนหรือ? รู้ว่าเมื่อใดควรประหยัด! รับส่วนลดสูงสุด 55% สำหรับ InvestingPro ก่อนโปรโมชั่น BLACK FRIDAY จะหมดเขตรับส่วนลด

ยิ่งใกล้รู้ตัวเลขเงินกระตุ้นเศรษฐกิจยิ่งใกล้เห็นตลาดน้ำมันดิบปรับฐาน

เผยแพร่ 25/02/2564 12:01
LCO
-
CL
-

กฎแรงโน้มถ่วงของนิวตันกล่าวไว้ว่าสิ่งใดที่วิ่งขึ้นย่อมต้องร่วงลงตามแรงโน้มถ่วง แม้จะเป็นความจริงตามสัจธรรมแต่นักลงทุนน้ำมันขาขึ้นตอนนี้ย่อมไม่ถูกใจสิ่งนี้อย่างแน่นอน แต่ในเมื่อสภาพเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวจากการกระจายวัคซีน ถึงจุดๆ หนึ่งราคาน้ำมันดิบก็ต้องกลับมาอยู่ในเกมอุปสงค์และอุปทานของโลกอีกครั้งOil Daily

หากพิจารณารายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังโดยไม่นับเหตุการณ์พายุหิมะถล่มในรัฐเท็กซัสจะเห็นว่าปริมาณน้ำมันดิบคงคลังในแต่ละสัปดาห์เริ่มลดลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับปริมาณน้ำมันที่บริษัทผู้ผลิตน้ำมันสามารถทำได้ แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในยุคของโจ ไบเดนกำลังอยู่ในช่วงของการฟื้นตัว ไม่ใช่แค่ในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงหลายๆ พื้นที่ที่มีความต้องการน้ำมันอย่างมหาศาลอย่างเช่นประเทศจีน อินเดีย และที่อื่นๆ ของโลก

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่ได้หมายความว่านักลงทุนน้ำมันดิบจะสนใจแต่ปัจจัยเชิงบวกไม่สนแรงกดดันที่อาจเกิดขึ้นในตลาดน้ำมันเลย เมื่อวันศุกร์ที่แล้วราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลง 2% ในขณะที่น้ำมันดิบเบรนท์ปรับตัวลดลง 1.6% จากความกังวลของนักลงทุนที่มีต่อเหตุการณ์พายุหิมะถล่มในรัฐเท็กซัส

Brent Daily

อย่างไรก็ตามขาลงที่เกิดขึ้นยังถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับขาขึ้นตลอดทั้งปีที่ WTI และเบรนท์ปรับตัวขึ้นมาอย่างน้อย 70% ตั้งแต่สิ้นเดือนตุลาคม

ทุกครั้งที่ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงมามักจะตามมาด้วยขาขึ้นที่สูงกว่าเสมอ

บ่อยครั้งที่เรามักจะได้เห็นกระแสขาลงถูกกลับด้วยขาขึ้นที่สามารถทำจุดสูงสุดใหม่ที่สูงขึ้นกว่าเดิม ครั้งนี้ก็เช่นกัน การปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันดิบเมื่อวันศุกร์ถูกกลบด้วยขาขึ้น 4% ในวันจันทร์ สาเหตุของขาขึ้นครั้งนี้คือความหวังของนักลงทุนที่จะได้เห็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า $1.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐที่โจ ไบเดนสัญญาไว้ตั้งแต่ช่วงเลือกตั้ง

ที่จริงแล้วขาขึ้นในตลาดน้ำมันตอนนี้ไม่ต่างจากตลาดอื่นๆ การอัดฉีดเงินเข้าระบบของธนาคารกลางสหรัฐฯ ทำให้ตอนนี้มีเงินลงทุนไหลไปอยู่ในแทบจะทุกตลาดลงทุน ความหวังที่มีต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ กราฟผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่พึ่งขึ้นแตะ 1.4% และการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดลงมาจนเกือบเป็น 0% ล้วนแล้วมีส่วนกับขาขึ้นในตลาดน้ำมัน

สิ่งที่นักลงทุนควรระวังในตอนนี้ก็คือเมื่อกล้าที่จะหวังก็จงอย่ากลัวความผิดหวัง ในทางปฏิบัติแล้วการพักฐานของตลาดน้ำมันอาจเกิดขึ้นได้เมื่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสามารถผ่านมติของรัฐสภา ในช่วงแรกราคาน้ำมันดิบอาจปรับตัวขึ้น แต่เมื่อไม่มีอะไรให้หวังแล้ว นักลงทุนก็จะโยกเงินไปลงทุนในตลาดอื่น หรือถ้าสถานการณ์เลวร้ายกว่านั้น ตลาดน้ำมันดิบอาจปรับตัวลดลงหากเงินเยียวยาที่เคาะออกมามีจำนวนน้อยกว่า $1.9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ 

ช่วงกลางเดือนมีนาคมคือวันตัดสินอนาคตของน้ำมันดิบ

ชัคก์ ชูมเมอร์ ผู้นำสภาฝ่ายเสียงข้างมากวางเดตไลน์ให้กับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเอาไว้ในวันที่ 14 มีนาคมซึ่งอาจจะเป็นวันสุดท้ายของขาขึ้นน้ำมันดิบในรอบนี้ก่อนที่จะปรับตัวลดลง แต่ในโลกของการลงทุนอะไรก็เกิดขึ้นได้ นักวิเคราะห์จากแบงก์ ออฟ อเมริกา (BofA) ประเมินว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์อาจขึ้นถึง $70 บาร์เรลก่อนปิดไตรมาสแรกในขณะที่โกลด์แมน แซคส์ประเมินว่าเบรนท์อาจไปไกลถึง $75 ต่อบาร์เรลก่อนในไตรมาสที่สาม

ตัวเลขปริมาณน้ำมันดิบคงคลังภายในหนึ่งหรือสองสัปดาห์ข้างหน้าก็จะมีผลกับราคาน้ำมันดิบด้วยเช่นกัน เพราะโรงกลั่นน้ำมันในรัฐเท็กซัสที่ได้รับความเสียหายจากพายุหิมะถล่มกำลังจะกลับมาดำเนินกิจการได้เต็มรูปแบบภายในเดือนหน้า 

ข่าวสำคัญอีกหนึ่งเรื่องที่จะกระทบน้ำมันดิบเป็นอย่างมากคือความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกากับอิหร่าน ทั้งสองฝ่ายมีนัดจะเจรจากันภายในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าเกี่ยวกับการส่งออกน้ำมันหลังจากปลดมาตรการคว่ำบาตรในยุคของโดนัลด์ ทรัมป์ออก สหรัฐฯ จะทำเช่นไรเมื่อเงื่อนไขการส่งออกน้ำมันถูกผูกติดเอาไว้กับการทำระเบิดนิวเคลียร์

จากสถานการณ์ความต้องการน้ำมันดิบที่กำลังฟื้นตัวขึ้นเรื่อยๆ ทำให้นักลงทุนบางส่วนเป็นกังวลว่าการผลิตน้ำมันของอิหร่านจะทำให้น้ำมันที่ผลิตออกมามีล้นมากเกินไปหรือไม่ ในอดีตอิหร่านเคยผลิตน้ำมันได้มากสุด 4 ล้านบาร์เรลต่อวัน แม้จะมีบรรยากาศความเป็นกังวลอยู่บ้าง แต่นักวิเคราะห์บางคน (อย่างเช่นโกลด์แมน แซคส์) กลับเชื่อว่าเรื่องนี้จะไม่เป็นปัญหามากขนาดนั้น

“กว่าอิหร่านจะสามารถกลับไปผลิตน้ำมันได้ในปริมาณ 4 ล้านบาร์เรลยังต้องใช้เวลาอีกเป็นเดือน ที่สำคัญการกลับมาผลิตน้ำมันของอิหร่านก็ต้องรอดูว่ากลุ่ม OPEC จะวางเงื่อนไขให้กับอิหร่านอย่างไร”

OPEC กลับการกลับมาของอิหร่าน

จากข้อความด้านบนหมายความว่าการผลิตน้ำมันดิบปริมาณ 4 ล้านเหรียญต่อวันจะสร้างความกังวลให้กับกลุ่มโอเปกมากกว่าที่จะเป็นสหรัฐอเมริกา คำถามสำคัญก็คือว่ากลุ่มโอเปกจะจัดการวางโควตาการผลิตน้ำมันของแต่ละประเทศสมาชิกอย่างไร ก่อนหน้านี้ไม่นาน ซาอุดิอาระเบียพึ่งยอมลดกำลังการผลิตของตนเพื่อให้รัสเซียได้ผลิตน้ำมันเพิ่ม 

คำถามก็คือว่ากลุ่มโอเปกจะจัดสรรโควตาอย่างไรในเมื่อใครๆ ก็ต้องการผลิตน้ำมันเพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศตัวเอง นี่ขนาดยังไม่ได้นับรวมการผลิตน้ำมันจากหินน้ำมันของสหรัฐอเมริกาเข้ามาร่วมในสมการด้วย? ที่อธิบายมาทั้งหมดนี้คือปัจจัยพื้นฐาน แล้วทางเทคนิคมีความเห็นกับราคาน้ำมันดิบอย่างไรบ้าง นักวิเคราะห์จากโบรกเกอร์ SK Dixit Charting จากประเทศอินเดียมีคำตอบ

“ขาขึ้นของน้ำมันดิบ WTI และเบรนท์ยืดระยะมานานเกินพอแล้ว ขอพูดถึงน้ำมันดิบ WTI ก่อน ถ้าราคาน้ำมันดิบ WTI สามารถลงมาวิ่งต่ำกว่าจุดต่ำสุด $58.57 บาร์เรล จะเปิดโอกาสให้ WTI สามารถลงไปยังจุดต่ำสุดถัดไปที่ $57.39 ต่อบาร์เรล ถ้าราคายังสามารถลงไปถึง $55.10 หรือ $54.77 ก็ยิ่งเป็นไปได้ที่ราคาน้ำมันดิบมาตรฐานสหรัฐฯ จะลงไปถึง $53.77 - $51.60 ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์นั้นถ้าราคาน้ำมันดิบลงไปวิ่งต่ำกว่า $62.30 บาร์เรลได้เมื่อไหร่ จะเปิดโอกาสให้ราคาลงไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ $58.30 บาร์เรล”

ความคิดเห็นล่าสุด

กำลังโหลดบทความถัดไป...
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย