สรุป ราคาทองคําช่วงเช้าวันนี้แกว่งตัวในกรอบแคบ ท่ามกลางปริมาณการซื้อขายเบาบางเนื่องจากตลาดทองคําของจีนยังอยู่ในช่วงวันหยุดเทศกาลตรุษจีน ต่อเนื่องจนถึงวันพุธนี้ ขณะที่ ตลาดเงิน ตลาดทุน และตลาดโลหะมีค่านิวยอร์กจะปิดทําการในคืนนี้(15 ก.พ.) เนื่องในวันประธานาธิบดีสหรัฐ (Presidents' Day) จึงอาจทําให้ราคาเหวี่ยงตัวในกรอบจํากัด แต่เบื้องต้นประเมินว่าแรงซื้อทองคํายังไม่มากนัก ถูกกดดันจากแนวโน้มความหวังการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ สะท้อนได้จาก บอนด์ยีลด์สหรัฐอายุ 10 ปีที่ พุ่งขึ้นแรงมาอยู่เหนือระดับ 1.20% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบเกือบ 1 ปี จากความเชื่อมั่นว่าสภาคองเกรสสหรัฐจะเร่งออกมาตรการ กระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่วงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ก่อนวันที่ 15 มี.ค.ซึ่งจะช่วยให้เศรษฐกิจสหรัฐกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ใน สหรัฐได้ลดลงอย่างต่อเนื่องหลังศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (CDC) เผยว่าได้การฉีดวัคซีนป้องกันให้กับประชาชนไปมากกว่า 26 ล้านคนในช่วง 3 สัปดาห์ ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีประชาชนสหรัฐฯรับวัคซีนไปแล้วมากกว่า 34.7 ล้านคนจากประชากรในประเทศทังหมด 331 ล้านคน นอกจากนี Cboe Volatility Index (VIX) ซึ่งรู้จักกันในวงกว้างว่าเป็น "มาตรวัดความกังวล" ของตลาดหุ้นวอลล์สตรีท ได้ปิดตํ่ากว่าระดับ 20 เป็นครั้งแรกในรอบเกือบหนึ่งปีในวันศุกร์ที่ผ่านมา สอดคล้องกับ ราคาทองคําที่เผชิญแรงกดดันในระยะนี้ ด้านปัจจัยทางเทคนิคประเมินว่า ราคาสามารถรักษาระดับได้แต่เมื่อราคาปรับตัวขึ้นมีแรงขายทํากําไรสลับออกมาเพิ่มขึ้น ระยะสั้นราคาทองคํายังมีลุ้นดีดขึ้นทดสอบแนวต้าน แต่หากราคาทองคําไม่สามารถผ่านแนวต้านที่ 1,839-1,855 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อาจทําให้เกิดแรงขายทํากําไร ออกมาสลับออกมาและอาจทําให้ราคาปรับตัวลงทดสอบแนวรับที่ 1,808-1,805 ดอลลาร์ต่อออนซ์เพื่อสร้างฐานราคา
แนะนํากลยุทธ์การลงทุนขายหากราคาไม่สามารถผ่านโซน 1,839-1,855 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และอาจยอยเข้าซื้อคืนหากราคาอ่อนตัวลงไม่หลุดแนวรับ 1,808-1,805 ดอลลาร์ต่อออนซ์
คำแนะนำ: เก็งกําไรระยะสั้นจากการแกว่งตัว หากราคา ไม่สามารถทะลุแนวต้านด้านบนโซน 1,839-1,855 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ ให้ทยอยขายทํากําไร และซื้อคืนเพื่อทํากําไรหาก ราคายืนเหนือโซน 1,808-1,805 ดอลลาร์ต่อออนซ์
บทความนี้จัดทำขึ้นโดย YLG Bullion International