-
สัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดการเงินกลับมาเปิดรับความเสี่ยง(Risk-On) จากความหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจสหรัฐฯ
-
ในสัปดาห์นี้ ตลาดจะติดตามความคืบหน้าของการพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่สหรัฐฯ รวมถึงรายงานผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน
-
เงินดอลลาร์มีแนวโน้มผันผวนต่อ ตามความหวังการฟื้นตัวเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเงินดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้น หากตลาดมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯมีโอกาสฟื้นตัวได้ดีกว่าคาด จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ หรือการแจกจ่ายวัคซีนที่เร็วกว่าคาด อย่างไรก็ดี เงินดอลลาร์จะอ่อนค่าลง หากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเผชิญแรงคัดค้านหนัก หรือ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ แย่ลงกว่าคาด
-
กรอบเงินบาทสัปดาห์หน้า 29.90-30.15 บาท/ดอลลาร์
-
ฝั่งสหรัฐฯ – ภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ทยอยฟื้นตัว กอปรกับราคาน้ำมันโดยเฉลี่ยยังคงต่ำกว่าปีก่อนหน้าจะทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปไม่ได้ปรับตัวเร่งขึ้นมากนัก โดยในเดือนมกราคม อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ที่ระดับ 1.5% ทั้งนี้ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจมีแนวโน้มดีขึ้น หลังยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรก (Initial Jobless Claims) เริ่มลดลงต่อเนื่อง และล่าสุดอาจจะลดลงมาอยู่ที่ราว 7.5แสนราย ขณะเดียวกัน ความเชื่อมั่นผู้บริโภค (U of Michigan Consumer Sentiment) ในเดือนกุมภาพันธ์ก็เริ่มปรับตัวดีขึ้น แตะระดับ 80.7จุด จากความหวังว่ารัฐบาลใหม่สหรัฐฯจะสามารถผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ได้ภายในไตรมาสแรก และความหวังว่าวัคซีนจะแจกจ่ายได้เร็วขึ้น
-
ฝั่งยุโรป – การระบาดระลอกใหม่ของ COVID-19 จะกดดันให้เศรษฐกิจอังกฤษในไตรมาสที่ 4 หดตัวลงกว่า 8% จากปีก่อนหน้า โดยเฉพาะในส่วนภาคการบริการที่ได้รับผลกระทบหนักจากมาตรการ Lockdown อย่างไรก็ดี แม้ว่าเศรษฐกิจยุโรปจะเผชิญปัญหาการระบาดระลอกใหม่อยู่ แต่ในมุมมองของนักลงทุนสถาบัน ซึ่งสำรวจโดย Sentix จะพบว่า นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้นต่อแนวโน้มการฟื้นตัวเศรษฐกิจในอีก 6 เดือนข้างหน้า ดังจะเห็นได้จากผลสำรวจความเชื่อมั่นนักลงทุนในเดือนกุมภาพันธ์ที่จะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.9จุด จาก 1.3จุด ในเดือนก่อนหน้า (ดัชนีมากกว่า 0 หมายถึงมุมมองที่เป็นบวก)
-
ฝั่งเอเชีย – ความต้องการสินค้าเทคโนโลยีที่เพิ่มสูงขึ้นจะช่วยหนุนให้สินค้าในกลุ่ม Semiconductors, Chips และ แผง IC มียอดขายเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไต้หวัน เนื่องจากเป็นผู้ผลิตสินค้าในกลุ่มดังกล่าวที่สำคัญ สะท้อนผ่านยอดการส่งออกในเดือน มกราคมที่จะโตถึง 15% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน
มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก