-
สัปดาห์ที่ผ่านมา การฟื้นตัวต่อเนื่องของเศรษฐกิจในโซนเอเชีย ได้ช่วยพยุงภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
-
จับตา ผลการประชุมธนาคารแห่งประเทศไทย รวมถึงรายงานข้อมูลเศรษฐกิจทั่วโลก โดยเฉพาะ ข้อมูลตลาดแรงงานสหรัฐฯ อย่าง ยอดการจ้างงาน เป็นต้น
-
ตลาดมีแนวโน้มผันผวนต่อ หนุนให้เงินดอลลาร์แกว่งตัว Sideways โดยตลาดจะเข้ามาถือเงินดอลลาร์มากขึ้น ตามภาวะปิดรับความเสี่ยงของตลาดจากปัญหาการระบาดของ COVID-19 ขณะที่เงินดอลลาร์อาจอ่อนค่าลง หากเศรษฐกิจทั่วโลกฟื้นตัวดีขึ้น หรือตลาดมีความหวังต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจการคลังสหรัฐฯมากขึ้น
-
กรอบเงินบาทสัปดาห์หน้า 29.85-30.15 บาท/ดอลลาร์
-
การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันพุธ เราคาดว่า กนง. จะ“คง”อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Repo Rate) ไว้ที่ระดับ 0.50% พร้อมทั้งเดินหน้าใช้มาตรการสนับสนุนสภาพคล่องให้กับภาคธุรกิจที่ต้องการ อาทิ Soft loans สำหรับธุรกิจ SMEs เพื่อช่วยประคองการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัวในระยะสั้น
-
ฝั่งสหรัฐฯ – แม้ว่าโดยรวมภาคการผลิตและการบริการของสหรัฐฯยังอยู่ในภาวะขยายตัวต่อเนื่อง ทว่าผลกระทบจากการระบาดของ COVID-19 จะกดดันให้ภาคการบริการเริ่มชะลอตัวลง สะท้อนผ่านดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการ โดย ISM เดือนมกราคม ที่จะลดลงสู่ระดับ 56.7จุด จาก 57.7 ในเดือนก่อน ขณะที่ภาคการผลิตจะได้รับผลกระทบไม่มาก โดย ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการผลิต โดย ISM จะทรงตัวที่ระดับ 60จุด ส่วน ยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) จะเพิ่มขึ้นเพียง 5หมื่นราย และอัตราการว่างงานยังคงอยู่ที่ระดับ 6.7% ย้ำว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะดีขึ้น หากมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่หรือวัคซีนแจกจ่ายได้เร็วขึ้น
-
ฝั่งยุโรป – เศรษฐกิจยูโรโซนในไตรมาส 4 จะหดตัว ราว 5% จากระยะเวลาเดียวกันปีก่อน ทว่าผลกระทบจากการระบาดระลอกใหม่ของ COVID-19 กลับไม่ได้แย่อย่างที่คิด เนื่องจากภาคธุรกิจและครัวเรือนต่างปรับตัวให้เข้ากับมาตรการ Lockdown ได้ดี สะท้อนผ่านภาพเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 ของเยอรมนี ฝรั่งเศสและสเปนที่ดีกว่าคาด ดังนั้นภาพเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัวทั่วยุโรปจะลดแรงกดดันต่อธนาคารกลาง ทำให้ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Bank Rate) ไว้ที่ระดับ 0.10%
-
ฝั่งเอเชีย – การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจในโซนเอเชีย รวมถึงออสเตรเลีย จะช่วยให้ธนาคารกลางในภูมิภาคเอเชียที่อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำใกล้ 0% ยังไม่ต้องรีบลดดอกเบี้ยเพิ่มจนหลือ 0% หรือ ติดลบ โดยเรามองว่า ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) จะคงอัตราดอกเบี้ย (Cash Rate Target) ที่ระดับ 0.10% ขณะที่ธนาคารกลางอินเดีย (RBI) อาจลดดอกเบี้ยลง 0.25% เหลือ 3.75% เพื่อช่วยกระตุ้นการฟื้นตัวเศรษฐกิจ เนื่องจาก RBI ยังมีกระสุนในการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ขณะเดียวกัน การลดดอกเบี้ยนโยบายก็จะช่วยคุมต้นทุนการกู้ยืมเงินของรัฐบาลและปรับให้บอนด์ยีลด์ปรับตัวลงมาได้ทั้งเคิร์ฟ ลดทอนผลกระทบจากการกู้เงินจำนวนมากเพื่อใช้ในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจการคลังของรัฐบาล
มุมมองนโยบายการเงิน
มุมมองเศรษฐกิจทั่วโลก