ปี 2020 ถือเป็นปีที่ตลาดลงทุนผันผวนรุนแรงมากที่สุดครั้งหนึ่ง ส่งผลให้การลงทุนปกติเป็นไปด้วยความยากลำบาก แต่นอกจากการแพร่ระบาดแล้ว มีสิ่งหนึ่งในตลาดลงทุนที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากนั่นก็คือ IPO หรือการออกและเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกของบริษัทหน้าใหม่ที่เติบโตมาได้ในระดับหนึ่ง
สำหรับนักลงทุนที่พลาดโอกาสไปแล้วกับการถือหุ้นของบริษัทที่น่าสนใจ ในบทความนี้เราจึงได้ลิสต์รายชื่อหุ้นของบริษัทน้ำดีเหล่านั้นมาให้กับคุณผู้อ่าน เมื่อหุ้นของบริษัทเหล่านั้นย่อตัวลงมา อย่าได้รอช้าและรีบเข้าซื้อในทันที
1. Airbnb
บริษัทผู้ให้บริการเว็บไซต์ที่เปิดให้ใครก็ได้ในโลกมาลงโฆษณาห้องของตัวเองที่ว่างอยู่ให้กับนักเดินทางทั่วโลกได้เข้าพัก Airbnb (NASDAQ:ABNB) คือหุ้นตัวแรกที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก ในยามที่วิกฤตโควิด-19 โจมตีอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจนไม่สามารถฟื้นตัวกลับมาได้โดยง่ายแต่ Airbnb ก็ยังกล้าที่จะเปิด IPO ไปในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา
นาย Brian Chesky ผู้ดำรงตำแหน่งเป็น CEO ของ Airbnb รีบเปลี่ยนกลยุทธ์ทันทีเมือเห็นหุ้นของบริษัทกำลังได้รับผลกระทบจากโควิด-19 เขาเน้นไปที่การโฆษณาสถานที่ท่องเที่ยวภายในท้องถิ่น อาศัยการกระตุ้นเศรษฐกิจจากคนในและไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทางเป็นเวลานาน
ด้วยความที่ธุรกิจของ Airbnb ยังไม่ใช่ธุรกิจขนาดใหญ่ ทำให้การปรับเปลี่ยนนโยบายจากเบื้องบนลงมาสู่ด้านล่างยังเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ง่าย การโฆษณาขายการท่องเที่ยวในท้องถิ่นยังส่งผลให้คนเมืองที่ไม่กล้าจะออกไปเที่ยวที่ไหนสามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ที่สำคัญแคมเปญนี้ยังช่วยลดความแออัดของประชากรนักท่องเที่ยวที่ปกติแล้วมักจะไปกระจุกรวมอยู่แต่กับโรงแรมชื่อดัง
ในแง่ของการลงทุน คำถามใหญ่ๆ ที่นักลงทุนรายย่อยกำลังให้ความสนใจคือ “จังหวะไหนคือราคาหุ้น Airbnb ที่ถูก?” ล่าสุดราคาหุ้นของ Airbnb มีราคาปิดเมื่อวานนี้อยู่ที่ $163.19 ซึ่งถือว่ามีราคาสูงกว่าราคาเปิด IPO มากถึงสองเท่า ในความเห็นของเรา จังหวะที่ดีที่สุดคือตอนที่บริษัทรายงานผลประกอบการหลังจากผ่านการเปิด IPO เป็นครั้งแรก แต่ตอนนี้นักลงทุนต้องใจเย็นรอไปก่อนเพราะวันเวลาที่จะประกาศนั้นยังไม่มีกำหนดการแน่นอน
2. DoorDash
แพลตฟอร์มส่งอาหารออนไลน์ DoorDash (NYSE:DASH) ที่เพิ่งเปิด IPO ในเดือนที่แล้วคือตัวเลือกอันดับสองที่เรานำเสนอ เหตุผลนั้นไม่ต้องอธิบายมาก ในยามที่คนไม่สะดวกที่จะออกมาซื้ออาหารหรือรับประทานอาหารนอกบ้านเพราะโควิด-19 จะมีวิธีการไหนที่สะดวกไปมากกว่าการโทรสั่งอาหารให้มาส่งถึงบ้านโดยตรงอีก
สิ่งที่ทำให้ DoorDash แตกต่างไปจากเจ้าของธุรกิจส่งอาหารรายอื่นคือบริษัทเลือกใช้ระบบสมัครเป็นสมาชิกแบบเดียวกับการดูภาพยนตร์สตรีมมิ่งในการวัดความนิยมของผู้ใช้บริการและยอดขาย จากสถิติที่วัดในเดือนสิงหาคมปี 2018 - สิงหาคมปี 2019 พบว่ามีผู้สมัครสมาชิกใช้บริการของ DoorDash แล้วมากกว่า 1 ล้านคน ที่สำคัญ การเริ่มเป็นเจ้าแรกของ DoorDash ทำให้บริษัทกินส่วนแบ่งการตลาดได้ก่อนบริษัทคู่แข่งอื่นอย่างเช่น UberEats (NYSE:UBER), Grubhub (NYSE:GRUB) หรือ Postmates ที่เป็นเจ้าของเดียวกับอูเบอร์ก็ตาม
แม้ว่าหลังจากเปิด IPO ไปแล้ว ตอนนี้หุ้นของ DoorDash จะมีราคาแพง แต่การที่คู่แข่งซึ่งเป็นบริษัทที่ทำเกี่ยวกับขนส่งสาธารณะอยู่มาหันมาส่งอาหารด้วยก็ทำให้ DoorDash มีคู่แข่ง และหุ้นของบริษัทก็เสี่ยงที่จะร่วงลงมาเมื่อไหร่ก็ได้ หากคู่แข่งได้รับความนิยมมากกว่า อ้างอิงข้อมูลจากงานวิจัยของ Citron เผยว่าที่จริงแล้วมูลค่าของหุ้น DoorDash ควรจะมีราคาอยู่ที่ $40 เท่านั้นเพราะธุรกิจส่งอาหารนั้นไม่สามารถวัดความซื่อสัตย์ของผู้บริโภคได้ ใครส่งอาหารได้เร็วกว่า สะดวกกว่า ผู้บริโภคก็จะเลือกผู้ให้บริการเจ้านั้น
นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะออกกฎหมายคุมเข้มธุรกิจส่งอาหารเช่นนี้มากขึ้นในปีหน้า จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมหุ้นของ DoorDash ถึงร่วงลงมา 75% เมื่อวานนี้ มีราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ $156.79 ในมุมมองของเรา นี่ถือว่าเป็นขาลงระยะสั้น หากหุ้นของ DoorDash ลงไปอีกประมาณ 20% เพราะข่าวที่เราได้กล่าวถึงไป ให้พิจารณาระดับราคานั้นๆ ว่าเป็นจุดเข้าที่ดีได้เลย
3. Snowflakes
บริษัทผู้เน้นจัดการฐานข้อมูล ก่อนนำไปแสดงผลและให้ AI ช่วยในการตัดสินใจบนคลาวด์ Snowflake (NYSE:SNOW) คือหุ้นตัวสุดท้ายที่เราอยากนำเสนอให้มีติดพอร์ตการลงทุนเอาไว้ในปี 2021 ตั้งแต่การเปิด IPO เมื่อเดือนกันยายน หุ้นของ Snowflake ก็ปรับตัวขึ้นมาแล้วมากกว่า 3 เท่าจนบริษัทมีมูลค่าตลาดเกิน $100,000 ล้านเหรียญสหรัฐ มีราคาปิดล่าสุดเมื่อวานนี้อยู่ที่ $341.16 นักวิเคราะห์บางคนถึงกับประเมินว่าในปีหน้า บริษัท Snowflake จะมีกำไรที่เติบโตมากกว่า 80%
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางคนก็ได้ออกโรงเตือนนักลงทุนว่าอย่าตื่นเต้นกับภาพชวนฝันเหล่านี้มากนักเพราะการซื้อขายหุ้นของบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับคลาวด์ตอนนี้สูงเกินกว่าตัวเลขกำไรที่คาดไว้ถึง 83 เท่า เมื่อเทียบกับความเป็นไปได้ที่ดัชนี NASDAQ 100 จะทำกำไรได้ในปีหน้าซึ่งมีอยู่เพียง 5 เท่าเท่านั้น
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่าจากนักวิเคราะห์ 22 คน เกินกว่าครึ่งเลือกให้หุ้น Snowflake เป็นหุ้นที่สมควรรอดูสถานการณ์ไปก่อน เพราะหุ้น Snowflake ตอนนี้สูงกว่าราคาเป้าหมายที่นักวิเคราะห์ประเมินเอาไว้มากกว่า 31% ถึงจะมีสัญญาณเตือนเช่นนั้น ด้วยพื้นฐานที่ Snowflake เป็นบริษัทที่ดีอยู่แล้ว การรอให้กำไรสามารถเติบโตได้เองตามธรรมชาติยังเป็นเรื่องที่เป็นไปได้อยู่