ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยในการหาหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในปีนี้ในเมื่อหุ้นเทคโนโลยีที่อยู่บนดัชนีแนสแด็กต่างก็ช่วยส่งเสริมกันจนขาขึ้นของดัชนีในปีนี้เป็นขาขึ้นที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 2009 ด้วยความแรงแบบฉุดไม่อยู่นี้จึงทำให้นักวิเคราะห์บางคนประเมินว่าหุ้นกลุ่มเทคฯ อาจมีการพักตัวในปีหน้าหากสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น
หนึ่งในความท้าทายในการเลือกหุ้นที่ดีที่สุดคือหุ้นเหล่านี้จะต้องมีความสามารถในการต้านทานปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่อตลาดลงทุนมากที่สุดในปีนี้นั่นก็คือโควิด-19 แต่หากเป็นนักลงทุนที่มีศักยภาพ ผมเชื่อว่าเขาเหล่านั้นย่อมต้องสามารถจับแนวโน้มได้ว่าสิ่งไหนกำลังจะรุ่ง สิ่งไหนกำลังจะร่วงและสามารถเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นการลงทุนในระยะยาวได้ ในบทความนี้ผมได้เลือกหุ้นมา 3 ตัวที่เชื่อว่าจะได้รับประโยชน์จากเทรนด์ของโลกที่กำลังจะเปลี่ยนไป
1. NVIDIA
หุ้นของบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์คอมพิวเตอร์โดยเฉพาะบอร์ดสำหรับประมวลภาพกราฟฟิกหรือที่คนทั่วไปเรียกว่า “การ์ดจอ” เอ็นวีเดีย (NASDAQ:NVDA) ถือเป็นหนึ่งในหุ้นที่โดดเด่นที่สุดในยามที่โลกกำลังเผชิญหน้ากับภัยโรคระบาด บริษัทเอ็นวีเดียเติบโตเป็นอย่างมากในปีนี้จากความต้องการผลิตภัณฑ์เอ็นวีเดียของผู้บริโภคไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่ต้องใช้เทคโนโลยีเอ็นวีเดียเพื่อทำศูนย์กลางข้อมูล กลุ่มเกมเมอร์ที่ต้องการการ์ดจอแรงๆ เพื่อเอาไว้เล่นเกมระดับทริปเปิ้ลเอหรือสตรีมเกมเป็นต้น
ด้วยเหตุนี้ หุ้นเอ็นวีเดียในปีนี้จึงเติบโตขึ้นมากกว่าสองเท่า กลายเป็นหุ้นอันดับสามบนดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ทำผลงานได้ดีที่สุดและมีบริษัทมีมูลค่าตลาดสูงถึง $325,000 ล้านเหรียญสหรัฐ แซงหน้ามูลค่าตลาดของบริษัทคู่แข่งคนสำคัญอย่างอินเทล (NASDAQ:INTC) หรือเอเอ็มดี (NASDAQ:AMD) รวมกัน
คำถามสำคัญก็คือ “ความแข็งแกร่งนี้จะยังคงอยู่เหมือนเดิมในปี 2021 หรือไม่?”
อ้างอิงข้อมูลจากบริษัททางด้านการลงทุน Jefferies ให้ความเห็นว่า การเติบโตของบริษัทอย่างเอ็นวีเดียที่อยู่แนวหน้าไม่มีอะไรน่ากังวลเลยเมื่อมองจากความต้องการของผู้บริโภคที่ถูกบังคับให้หันมาสนใจโลกออนไลน์มากขึ้น ยิ่งการระบาดของโควิดทำให้ผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตยิ่งมีโอกาสที่เขาเหล่านั้นเข้ามาสู่โลกออนไลน์มากขึ้น และเมื่อการตัดสินใจนั้นมาถึง แน่นอนว่าพวกเขาย่อมต้องการเทคโนโลยีที่ดีที่สุดแล้วคำถามคือ “ทำไมจะไม่เลือกผลิตภัณฑ์ของเอ็นวีเดีย?”
ข้อมูลที่น่าสนใจสำหรับการเติบโตของเอ็นวีเดียในปีนี้คือบริษัทสามารถทำกำไรจากสื่อเพื่อความบันเทิงออนไลน์เพียงอย่างเดียว 20% และในการรายงานผลประกอบการไตรมาสที่สามก็สามารถแสดงตัวเลขยอดขายที่เติบโตได้อย่างไม่ผลิกโผนักวิเคราะห์ กำไรส่วนใหญ่ของบริษัทยังคงพึ่งพาวงการเกมและตลาดที่สนใจลงทุนในเรื่องของ AI เป็นหลัก ล่าสุดหุ้นเอ็นวีเดียมีราคาปิดอยู่ที่ $530.95 ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยเมื่อวานนี้ 0.45%
2. Amazon
สำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนแบบมั่นใจว่าจะได้กำไรกลับคืนมาแน่นอนก็ต้องมีหุ้นของบริษัทค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดของโลกอย่างอะเมซอน (NASDAQ:AMZN) เอาไว้ในมือ ในช่วงที่วิกฤตโควิดระบาดอย่างหนักจนตัวเลข GDP ในไตรมาสที่ 2 ของสหรัฐฯ ร่วงลงหนักที่สุด มีเพียงบริษัทอะเมซอนเท่านั้นที่สามารถยืนหยัดอยู่ได้แถมยังมีการเติบโตมากยิ่งขึ้นจากช่วงเวลาดังกล่าวด้วย
การรายงานตัวเลขยอดขายของไตรมาสล่าสุดของอะเมซอนก็ยังสามารถสร้างผลกำไรให้กับผู้ถือหุ้นได้อย่างต่อเนื่อง นี่ถือเป็นตัวบ่งบอกเลยว่าธุรกิจค้าขายในโลกออนไลน์นับวันยิ่งเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ และเชื่อว่าต่อให้วิกฤตโควิดจะจบลงแล้วแต่การซื้อของออนไลน์จะยังไปได้ไกลกว่านี้ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อของชิ้นใหญ่ ไปจนถึงสินค้าอุปโภคบริโภคเล็กๆ น้อยๆ ผู้บริโภคต่างเลือกที่จะมากดซื้อสินค้าผ่านมือถือและรอเพียงให้รถมาส่งแบบง่ายๆ
เจมส์ ลี นักวิเคราะห์จาก Mizuho เขียนในโน๊ตถึงลูกค้าของบริษัทเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า “การที่อะเมซอนเพิ่มวงเงินลงทุนกับสินค้าที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับผู้บริโภคเป็นสัญญาณบ่งบอกชัดเจนว่าพวกเขากำลังเตรียมพร้อมสำหรับการขยายตัวของโลกออนไลน์ในปีหน้าซึ่งหมายถึงการเติบโตของบริษัทด้วย” นักวิเคราะห์จากธนาคารเพื่อการลงทุนชื่อดังเจพี มอร์แกนได้ปรับระดับราคาเป้าหมายของหุ้นอะเมซอนภายใน 12 เดือนขึ้นเป็น $4,050 โดยให้เหตุผลสั้นๆ ว่า “หุ้นอะเมซอนยังเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ อยู่เสมอมา”
เว็บไซต์ข่าวชื่อดัง CNBC มีมุมมองเกี่ยวกับการเติบโตของอะเมซอนว่า
“การลงทุนบนโครงสร้างพื้นฐานของบริษัทอย่างมหาศาลเป็นสัญญาณบ่งบอกอยู่แล้วว่าอะเมซอนกำลังเตรียมตัวรับมือกับความต้องการสินค้าออนไลน์ของผู้บริโภคที่นับวันยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เราเชื่อว่าปี 2021 จะยังเป็นปีแห่งการเติบโตทางธุรกิจที่ยอดเยี่ยมสำหรับอะเมซอนอยู่เช่นเคยโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออะเมซอนเล็งเป้ามาที่การขยายตัวเองให้สามารถทดแทนร้านสะดวกซื้อหรือร้านขายยาทั่วไป”
ตลอดทั้งปี 2020 หุ้นอะเมซอนปรับตัวขึ้นมาแล้วมากกว่า 70% แต่ไม่ได้มีการเคลื่อนไหวที่สำคัญมากนักหลังจากขึ้นมาถึงจุดสูงสุดล่าสุดเมื่อวันที่ 2 กันยายน ล่าสุดเมื่อวันจันทร์ หุ้นอะเมซอนมีการเปลี่ยนแปลงของราคาอยู่ที่ 0.14% มีราคาซื้อขายล่าสุดอยู่ที่ $3204.96
3. Uber Technologies
วิธีการสังเกตว่าการใช้ชีวิตของเราใกล้กลับมาเป็นปกติแล้วหรือไม่ให้สังเกตได้จากการเติบโตของธุรกิจบริการแชร์รถสาธารณะ ในช่วงที่การแพร่ระบาดรุนแรงมากจนต้องสั่งล็อกดาวน์ ยอดเรียกรถผู้ให้บริการประเภทนี้ตกฮวบจนต้องหันไปพึ่งพาธุรกิจประเภทอื่นเพื่ออุ้มธุรกิจหลักเอาไว้
เมื่อพูดถึงธุรกิจการแชร์รถสาธารณะเช่นนี้จะไม่พูดถึงบริษัทอูเบอร์ (NYSE:UBER) ก็คงจะไม่ได้ แม้จะได้รับผลกระทบจากโควิดเป็นอย่างมาก แต่เมื่อโลกเริ่มเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับโควิด ประกอบกับการมาของวัคซีนทำให้เราได้เห็นแล้วว่ายังมีใครรอดชีวิตอยู่บ้างและหนึ่งในนั้นก็คืออูเบอร์
สิ่งที่ทำให้อูเบอร์แตกต่างไปจากคู่แข่งก็คือการกระจายความเสี่ยงไปยังธุรกิจอื่น ในช่วงเวลาที่ยากลำบากนั้นอูเบอร์ได้ถูกกล่าวถึงเป็นอย่างมาก ไม่ใช่ในมุมมองของการขับรถส่งผู้โดยสารแต่เป็นการขับรถส่งอาหาร ความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองสามารถชดเชยกำไรที่เสียไปจากธุรกิจปกติได้ จากรายงานผลประกอบการของบริษัทในไตรมาสที่ 3 พบว่าผู้ใช้บริการส่งอาหารของอูเบอร์เพิ่มขึ้น 134% ในขณะที่กำไรจากธุรกิจรถแท็กซี่ร่วงลง 53%
นักวิเคราะห์หลายคนประเมินว่าหากโลกในปี 2021 สามารถกลับสู่สภาวะใกล้เคียงปกติได้มากที่สุดเพราะมีวัคซีนแล้ว ธุรกิจหลักของอูเบอร์ก็จะสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้ แม้หุ้นของอูเบอร์จะร่วงลง 55% ในเดือนมีนาคมปี 2020 แต่จนถึงตอนนี้ก็สามารถปรับตัวกลับขึ้นมาจนก้นเหวนั้นได้แล้ว 66% ล่าสุดหุ้นของอูเบอร์มีราคาซื้อขายอยู่ที่ $53.79 ปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 2.33%