- บริษัทจะรายงานตัวเลขผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 ปี 2021 ในวันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม หลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิด
- คาดการณ์ตัวเลขผลกำไร: $10,550 ล้านเหรียญสหรัฐ
- คาดการณ์ตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้น: $0.62
สิ่งที่นักลงทุนอยากรู้มากที่สุดในการรายงานผลประกอบการของบริษัทผู้ขายสินค้ากีฬาชื่อดังไนกี้ (NYSE:NKE) ที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้คือยอดขายว่าจะสามารถฟื้นตัวกลับมาได้หรือไม่หลังจากที่ร้านค้าปลีกของไนกี้ทั่วโลกได้รับผลกระทบจากวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 จากการรายงานผลประกอบการครั้งล่าสุดในเดือนกันยายน พบว่ายอดขายสินค้าผ่านช่องทางดิจิทัลที่ทะยานขึ้น 82% สามารถช่วยชดเชยความเสียหายที่เกิดกับร้านจำหน่ายสินค้าแบบดั้งเดิมได้
John Donahoe CEO ของไนกี้กล่าวกับนักวิเคราะห์ในการวิดีโอ คอนเฟอเรนซ์ว่า “นี่คือช่วงเวลาที่ไนกี้ซึ่งแข็งแกร่งอยู่แล้วจะแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ช่วงเวลาที่การแพร่ระบาดเกิดขึ้นอย่างรุนแรง การขายสินค้าออนไลน์ทำให้แบรนด์ไนกี้และจอร์แดนสามารถดึงส่วนแบ่งทางการตลาดมาจากคู่แข่งคนอื่นๆ มาได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดในประเทศจีนและยุโรป”
ตัวเลขการฟื้นตัวของยอดขายที่เห็นชัดที่สุดเกิดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เป็นจังหวะที่กำไรของไนกี้หายไป 38% เพราะร้านค้าปลีกต้องหยุดให้บริการ แม้ว่าจากวันนั้นจนถึงวันนี้การแพร่ระบาดยังไม่จบ แต่นักวิเคราะห์ก็เชื่อว่าด้วยจุดยืนที่ดีและแบรนด์ที่แข็งแกร่งจะยังสามารถรักษาไนกี้ให้อยู่ในตำแหน่งผู้นำของวงการสินค้ากีฬาต่อไปได้
ปัจจัยสนับสนุนที่แข็งแกร่งเช่นนี้มีส่วนช่วยขาขึ้นของหุ้นไนกี้เป็นอย่างมาก ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน หุ้นไนกี้ปรับตัวขึ้นมาแล้ว 37% มีราคาซื้อล่าสุดเมื่อวานนี้อยู่ที่ $138.34 และพึ่งขึ้นไปสร้างจุดสูงสุดล่าสุดได้เมื่อวันอังคารที่ผ่านมานี้เอง ที่สำคัญไนกี้ยังกล้าที่จะเพิ่มตัวเลขการปันผลรายไตรมาสของตัวเองขึ้นอีก 12% ในเดือนที่แล้ว เทียบกับแบรนด์อื่นๆ ที่ยังประสบปัญหาจนต้องหั่นหรืองดเงินปันผลคืนให้กับลูกค้าอยู่เลย
ความแข็งแกร่งของการขายสินค้าบนโลกดิจิทัล
สิ่งที่มีส่วนช่วยกับการกลับมาของยอดขายไนกี้เป็นอย่างมากคือการขายสินค้าบนโลกออนไลน์ แม้จะเป็นมือใหม่ในตลาดออนไลน์แต่ไนกี้กลับปรับตัวได้เร็ว มีการจัดการส่งสินค้าให้กับลูกค้าทางออนไลน์ได้อย่างเฉียบขาด เท่ากับว่าโควิดที่เข้าไปโจมตีร้านขายสินค้าแบบดั้งเดิมจนนำไปสู่การล็อกดาวน์ไม่สามารถทำร้ายแบรนด์และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลงได้
Matthew DeGulls นักวิเคราะห์จาก KeyBanc ได้ปรับราคาเป้าหมายของหุ้นไนกี้ขึ้นเป็น $174 และยังกล่าวว่าหุ้นไนกี้ยังมีสามารถปรับตัวขึ้นไปได้ยิ่งกว่านี้อีก
“จริงอยู่ว่าหุ้นไนกี้ตอนนี้อยู่ใกล้กับจุดสูงสุดตลอดกาลเป็นอย่างมาก แต่เราเชื่อว่าการลงทุนเพื่อขยายตลาดของบริษัทเพื่อออกไปสู่โลกออนไลน์มากขึ้นกำลังทำหน้าที่ของมันแล้ว การเปลี่ยนตลาดไปสู่โลกดิจิทัลจะทำให้ไนกี้มีการเติบโตและมีกำไรในระยะยาว”
ในตอนแรกของการแพร่ระบาด ไนกี้คือหนึ่งในบริษัทที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดเพราะร้านค้าปลีกของไนกี้มีอยู่มากมายในประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่แห่งที่สองของไนกี้รองจากสหรัฐอเมริกา แต่ด้วยการฟื้นตัวที่รวดเร็วของประเทศจีนจนหลายๆ สำนักคาดการณ์กันว่าปีนี้จะมีเพียงจีนและเวียดนามเท่านั้นที่สามารถคงตัวเลข GDP ให้เป็นบวกได้ เราจึงเชื่อเป็นอย่างมากว่ายอดขายสินค้าของไนกี้ในประเทศจีนที่จะประกาศในวันพรุ่งนี้จะต้องดีขึ้น หลังจากที่จีนประสบความสำเร็จในการควบคุมโควิดในไตรมาสที่ 1 ยอดขายของไนกี้ก็กลับมาทันที 6%
นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่ากลยุทธ์การลดต้นทุนของไนกี้และการเปลี่ยนตัวเองเข้าสู่โลกดิจิทัลจะทำให้การเติบโตของบริษัทในปี 2021 กลับมาเดินหน้าอย่างเต็มประสิทธิภาพ ธนาคารชื่อดังอย่างมอร์แกน สแตนลีย์ถึงกลับประเมินให้หุ้นไนกี้อยู่ในกลุ่ม “น่าซื้อ” โดยให้เหตุผลว่าผู้คนจะหันมาใส่ใจสุขภาพกันมากขึ้นหลังจากวิกฤตโควิดจบลงและยอดขายรองเท้าของไนกี้ที่ดีอยู่แล้วก็จะยิ่งขายดีมากยิ่งกว่าเดิม
โดยสรุปแล้ว
ไนกี้คือหนึ่งในตัวอย่างของบริษัทที่หันไปลงทุนกับโลกเทคโนโลยีและดิจิทัลก่อน จนนำมาซึ่งความสามารถในการเอาตัวรอดในปีนี้ ที่สำคัญความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงบริษัทด้วยการลดต้นทุน ทำให้ตัวเองผอมเพรียวขึ้นจะยิ่งทำให้ไนกี้มีประสิทธิภาพในการทำกำไรมากขึ้น รายงานผลประกอบการในช่วงเช้าของวันพรุ่งนี้จะเป็นตัวยืนยันความแข็งแกร่งนี้เอง