หลังจากวิ่งอยู่ในขาขึ้นมาโดยตลอดตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกันยายน ดูเหมือนว่าตอนนี้หุ้นแอปเปิล (NASDAQ:AAPL) จะเริ่มผ่อนความเร็วลงมาแล้ว เมื่อเทียบกับเพื่อนที่อยู่ในกลุ่ม FAANG ด้วยกันหรือเทียบกับริษัทเทคโนโลยีท๊อปๆ ของวงการจะเห็นว่าปัจจุบันหุ้นของบริษัทผู้ผลิต iPhone ทำผลงานขาขึ้นได้น้อยกว่าเมื่อเทียบกับบริษัทเหล่านั้น
นับตั้งแต่ได้รับตำแหน่งบริษัทอเมริกาแห่งแรกที่มีมูลค่าตลาดเกิน $2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐในเดือนสิงหาคม ตอนนี้หุ้นแอปเปิลได้ปรับตัวลดลงมา 17% มีราคาซื้อขายล่าสุดอยู่ที่ $116.03 หากเทียบกับตลาด NASDAQ จะพบว่าในช่วงสามเดือนล่าสุด NASDAQ ยังสามารถปรับตัวขึ้นได้ 5% ในขณะที่แอปเปิลปรับตัวลดลงมากกว่า 8%
สาเหตุหลักอย่างหนึ่งที่กดราคาหุ้นของแอปเปิลเอาไว้คือความกังวลของนักลงทุนที่มองว่าหุ้นแอปเปิลจะขึ้นต่อได้ไหมเมื่อความหวังของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในตลาดลงทุนตอนนี้ทำให้ผู้คนปล่อยมือจากหุ้นเทคโนโลยีและหันไปหาหุ้นวัฎจักรมากขึ้น ที่สำคัญหุ้นแอปเปิลจะเป็นเช่นไรต่อไปเมื่อโลกมีวัคซีนและทุกอย่างน่าจะกลับมาใกล้เคียงกับปกติภายในกลางปี 2021
ในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 แอปเปิลถือเป็นบริษัทหนึ่งที่ยังรักษากำไรของตนเองเอาไว้ได้ ยอดขายคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊กและ iPad สามารถช่วยชดเชยการขาดทุนที่เกิดยอดขาย iPhone รายงานผลประการในช่วงปลายเดือนกันยายนระบุว่ากำไรที่ได้จากการขายโทรศัพท์มือถือ iPhone ลดลง 21% แต่กำไรที่ไม่ได้นำ iPhone มาคิดรวมด้วยกลับเพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว ลำพังยอดขายของคอมพิวเตอร์ Mac ก็สามารถสร้างสถิติยอดขายใหม่ที่ $9,000 ล้านเหรียญสหรัฐได้
นักวิเคราะห์บางคนถึงกับมองว่ายอดขาย iPhone ที่ตกต่ำลงจะลากยาวไปจนถึงปี 2021 นาย ร็อด ฮอลล์ นักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์ได้ปรับราคาเป้าหมายขาขึ้นของหุ้นแอปเปิลลงจาก $80 เหลือ $75 พร้อมกับให้เหตุผลว่า
“ดูเหมือนว่าความต้องการ iPhone ที่มีเทคโนโลยี 5G จะไม่ได้สูงมากอย่างที่บริษัทคาดหวัง”
โดยปกติแล้วแอปเปิลจะเปิดตัวโทรศัพท์มือถือ iPhone รุ่นใหม่ทุกๆ เดือนกันยายนเพื่อที่พวกเขาจะได้เห็นตัวเลขยอดขายพุ่งทะยานสูงสุดภายในไตรมาสที่ 4 ของทุกๆ ปี แต่เพราะการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในปีนี้คือตัวแปรที่ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป การผลิต การส่งมอบ การขนส่ง ต้องชะลอตัวเพราะโรงงานผลิตต้องเปิดๆ ปิดๆ ตามคำสั่งของรัฐบาล ที่สำคัญการเปิดตัวของ iPhone รุ่นนี้ในเดือนตุลาคมเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ยุโรปกำลังโดนโควิด-19 เล่นงานอย่างหนักจนกลายเป็นการระบาดรองที่สองที่นำไปสู่การล็อกดาวน์อีกครั้ง
ไม่ว่าอย่างไรแอปเปิลก็คือแอปเปิล
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางคนมองว่าหากแอปเปิลสามารถแสดงตัวเลขการเติบโตของยอดขาย iPhone ได้ในไตรมาสนี้ นั่นก็อาจจะทำให้กระแสลมเปลี่ยนทิศไป บางคนเชื่อว่าการเปลี่ยนดีไซน์มือถือครั้งแรกในรอบสามปีและความเร็วจากการใช้งานของ 5G ที่ผู้บริโภคจะบอกต่อๆ กันจะช่วยให้ยอดขาย iPhone ในไตรมาสต่อไปดีขึ้น
มีเหตุผลมากมายที่สามารถทำให้เชื่อได้ว่าหุ้นแอปเปิลจะไม่หมดแรงลงเพราะปัญหายอดขาย iPhone ตกต่ำในช่วงเศรษฐกิจไม่ดี บริษัทยังมีเทคโนโลยีที่ยังไม่ได้เปิดเผยอยู่อีกมากและยังมีเงินสดที่มากพอจะสร้างความแตกต่างใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นได้ท่ามกลางช่วงเวลาเศรษฐกิจถดถอย
นาย Andrew Uerkwitz นักวิเคราะห์จาก Oppenheimer พึ่งยกระดับหุ้นแอปเปิลขึ้นพร้อมกับปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น $125 หลังจากแอปเปิลได้เป็นตัวชิปประมวลผลตัวใหม่ M1 นี่คือผลงานการสร้างชิปประมวลผลของตัวเองชิ้นแรกที่ไม่ง้อบริษัทบุคคลที่สามอีกต่อไปซึ่งแอปเปิลได้ประเดิมใส่ชิปดังกล่าวลงไปในโน๊คบุ๊กอย่าง MacBook Air และ Pro ปีล่าสุด แถมยังคืนชีพผลิตภัณฑ์อย่าง Mac Mini ให้ได้ใช้ชิปประมวลผลดังกล่าวด้วย นักวิเคราะห์คนนี้ได้กล่าวชื่นชมผลงานชิ้นโบแดงของแอปเปิลว่า
“M1 คือส่วนผสมระหว่าง CPU และ GPU ตัวแรกที่ได้ทำงานร่วมกับฮาร์ดแวร์ชิ้นอื่นๆ ของแอปเปิลอย่างแท้จริง นี่คือการเริ่มต้นวางรากฐานผลิตภัณฑ์ใหม่ของแอปเปิลที่ได้ใช้และพัฒนาทุกอย่างในแบบที่ตัวเองต้องการ สาวกของแอปเปิลนับจากนี้จะได้สัมผัสประสบการณ์การใช้งานไร้รอยต่อจากอุปกรณ์ทุกๆ ชิ้นของแอปเปิลในแบบที่ไม่มีผลิตภัณฑ์ยี่ห้ออื่นบนโลกสามารถทำได้”
นอกเหนือจากการอัปเกรดฮาร์ดแวร์ครั้งนี้ กำไรจากบริการอื่นๆ ของแอปเปิลยังเพิ่มขึ้นอีกเป็นสองเท่าหรือคิดเป็นการเปรียบเทียบเชิงปริมาณคือเพิ่มขึ้น 16% คิดเป็นตัวเลข $1,450 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบในช่วงระหว่างปี 2019 กับห้าปีก่อนหน้านั้น
โดยสรุปแล้ว
เป็นไปได้ว่าหุ้นแอปเปิลอาจจะซึมยาวอยู่ในลักษณะเช่นนี้ไปตลอดช่วงไตรมาสที่สี่เพราะนักลงทุนต้องการที่จะดูว่ายอดขาย iPhone 12 ในช่วงวันหยุดยาวที่กำลังจะมาถึงนี้เป็นอย่างไร สำหรับนักลงทุนระยะยาว นี่คือโอกาสอันดีที่จะเป็นเจ้าของหุ้นแอปเปิล ด้วยเหตุผลที่ว่าเพราะนี่คือบริษัทแอปเปิล บริษัทที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดของโลกในเวลานี้ ลำพังแค่ยอดขายตกต่ำเพราะเปิดตัว iPhone ล่าช้าไม่อาจสร้างแผลเป็นให้กับแอปเปิลได้แน่นอน