ราคาทองคำ วานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.15 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ราคาจะได้รับแรงหนุนจากผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ที่เฟดมีมติ “คง” อัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.00-0.25% พร้อมส่งสัญญาณว่าเฟดจะ “ไม่มี” การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อยจนกว่าจะถึงปี 2023 รวมถึงปล่อยให้เงินเฟ้อดีดตัวขึ้นเหนือ 2% ก่อนที่จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ซึ่งส่งผลให้ราคาทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในระหว่างวันบริเวณ 1,973.59 ดอลลาร์ต่อออนซ์
อย่างไรก็ดี ราคาทองคำไม่สามารถรักษาช่วงบวกไว้ได้ โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ หลังเฟดปรับ “เพิ่ม” คาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจ โดยมองว่า GDP ปีนี้ จะหดตัวลดลงเหลือ-3.7% จากระดับ -6.5% ในการคาดการณ์เดือนมิ.ย. พร้อมปรับ “ลด” คาดการณ์อัตราการว่างงานในปีนี้ถึงปี 2022 ลงสู่ระดับ 7.6%, 5.5% และ 4.5% จาก ระดับ 9.3% 6.5% และ 5.5%
รวมถึงปรับ “เพิ่ม” คาดการณ์เงินเฟ้อในปีนี้ถึงปี 2022 ขึ้นสู่ระดับ 1.2%, 1.7% และ 1.8% ตามลำดับ สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลกดดันราคาทองคำให้ร่วงลงมาปิดตลาดบริเวณ 1,957 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และร่วงลงต่อในช่วงเช้าวันนี้ในตลาดเอเชีย
ด้านกองทุน SPDR (NYSE:GLD)ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง สำหรับวันนี้ติดตามผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ)และการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ(บีโออี) คาดทั้ง 2 ธนาคารกลางจะคงนโยบายการเงินไม่เปลี่ยนแปลง รวมถึงติดตามการเปิดเผยผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจจากเฟดฟิลาเดลเฟีย, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน, การอนุญาตก่อสร้าง และข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน
หากราคาทองคำทดสอบแนวต้านที่ 1,960-1,973 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ถ้ายังไม่สามารถผ่านได้ นักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาเมื่อราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้นยังคงมีแรงขายออกมาเช่นกัน อย่างไรก็ตามหากการอ่อนลงของราคาไม่หลุดโซนแนวรับระยะสั้นอยู่ที่ 1,941-1,936 ประเมินว่าเป็นการอ่อนตัวลงเพื่อสะสมแรงซื้ออีกครั้ง
ดูบริเวณ 1,941-1,936 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่หลุดสามารถเข้าซื้อเก็งกำไรระยะสั้นจากการดีดตัวขึ้น เพื่อขายทำกำไรเมื่อราคาดีดตัวหรือบริเวณแนวต้าน 1,960-1,973 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคาหลุดแนวรับดังกล่าวให้รอเข้าซื้อที่แนวรับถัดไปบริเวณแนว 1,919-1,902 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุน หากหลุด 1,902 ดอลลาร์ต่อออนซ์)
อัพเดตราคาทองคำ GOLD SPOT XAU/USD
บทวิเคราะห์จาก YLG BULLION