มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมของ ครม. วานนี้ถือว่าดีกว่าทเี่ราคาด โดยเฉพาะ การเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้ข้อสรุปค่อนข้างเร็ว ซึ่งจะช่วยหนุน Sentiment กลุ่มท่องเที่ยว การแพทย์ และนิคมอุตสาหกรรม ที่ยัง Underperform ตลาดให้ กลับมาคึกคักอีกครั้ง
ส่วนความคาดหวังถัดไป แนะนำให้ติดตามประชุม ศบศ. วันนี้คาดว่าจะมีการออก มาตรช่วยค่าครองชีพ และกระตุ้นสินค้าคงทนผ่านอสังหาริมทรัพย์และยานยนต์ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากยังมีความเสี่ยงด้านปัจจัยการเมืองในประเทศรออยู่เราจึงมีมุมมองเป็นกลางต่อ SET INDEX โดยมีหุ้นเด่นของกลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์คือ MINT, CENTEL, SHR, AOT (BK:AOT), MAJOR, BDMS, BCH, SPA, AMATA, WHA, TPIPP, NOBLE, ANAN, SAT, AH
ที่ประชุม ครม. วานนี้เน้นกระตุ้นการท่องเที่ยว และเริ่มเปิดรับต่างชาติ
ที่ประชุม ครม. วานนี้มีการอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่าทเี่ราคาด โดยมีประเด็นที่มีนัยสำคัญต่อ SET INDEX ดังนี้
(1) อนุมัติในหลักการเปิดรับนักท่องเที่ยวประเภทพิเศษ Special Tourist VISA (STV) โดยให้วีซ่าคราวละ 90 วัน (ต่อได้อีก 2 ครั้ง) แต่เมื่อเข้ามาแล้วต้องกักตัวในโรงแรม 14 วัน โดยให้มผีลตั้งแต่วันที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาประกาศไปจนถึง ก.ย. 64 แต่จะเป็นพื้นที่เปืดส่วนใดบ้างต้องรอผลสรุปจากกระทรวงมหาดไทย
(2) มีแนวคิดให้เพิ่ม วันหยุดยาว 4 วัน (คร่อมเสาร์-อาทิตย์) เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ โดยคาดว่าจะเป็นช่วงต้นเดือน พ.ย. 63
(3) เห็นชอบให้ใช้งบรายจ่ายปี 2563 ไปพลางก่อน เพื่อรองรับงบประมาณปี 2564 ที่จะล่าช้าราว 3-4 สัปดาห์
(4) ตั้งงบกลาง 5,082 ล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วม 60 จังหวัด
(5) ปรับปรุงร่างพรบ. จราจรทางบกขยายอายุรถแท็กซี่ออกไปจาก 9 ปี เป็น 12 ปี
(6) จ้างที่ปรึกษาพัฒนาเขตเศรษฐกิจภาคใต้โดยการเชื่่อมทะเล 2 ฝั่ง
ศบศ. ประชุมพรุ่งนี้ติดตามมาตรการกระตุ้นใช้จ่าย และอสังหาฯ+รถยนต์
วันนี้ศบศ. จะมีการประชุมครั้งที่ 3 เพื่อติดตาม (1) ความคืบหน้าในมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านโครงการคนละครึ่งไม่เกินรายละ 3,000 บาท (2) มาตรการกระตุ้นตลาดที่อยู่ อาศัยและรถยนตเ์พิ่มเติม (3) มาตรการกระตุ้นการลงทุนทางตรงจากต่างชาติ
ยังเหลือช่องว่างให้ศบศ. กระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม แต่ต้องแลกมาด้วยการกู้เงิน
ด้วยงบประมาณตาม พ.ร.ก. เงินกู้1 ล้านล้านบาท ที่ยังเหลือให้สามารถฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ ถึง 3.1 แสนล้านบาท (ครม. อนุมัติเฟสแรก 9.24 หมื่นล้านบาท) โดยคาดว่าสภาพัฒน์จะนำเสนอโครงการรวม 3-4 หมื่นล้านบาทเข้า ครม. ในสัปดาห์หน้า ทำให้ศบศ. ยังเหลือ ช่องว่างในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกพอควร แต่เพราะการใช้เงินหลังจากนี้ ต้องแลกมาด้วยการกู้ซึ่งจะทำให้ดอกเบีย้ในตลาดเงนิปรับตัวสูงขึ้นและอาจต้องคำนึงถึงการใช้งบกลางในช่วงที่งบประมาณปี2564 ยังไม่มีผลบังคับใช้
เราจึงคาดว่ามาตรการในช่วง 1-2 เดือนหลังจากนี้จะเป็นลักษณะการลดภาษีหรือลด ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรม หรือหนุนการลงทุนในรูปแบบ PPP เพื่อ กระตุ้นการใช้จ่ายและลงทุน โดยที่รัฐไม่ต้องอัดฉีดเงนิเข้าสู่ระบบในทันทีซึ่งการกระตุ้นสินค้าคงทน โดยการดึงเงินออกจากกระเป๋าคนรวยมาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ ผ่านอุตสาหกรรมอสังหาฯและยานยนต์ถือว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดขึ้น
กลุ่มท่องเที่ยว การแพทย์อสังหาริมทรัพย์ยานยนต์ที่ Underperform จะฟื้นตัว
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงนยี้ังทำได้เพียงพยุง SET INDEX ไม่ให้ทรุดตัวลงแรง เพราะความเสี่ยงที่รอข้างหน้า คือปัจจัยการเมืองในประเทศ โดยหลังผ่านพ้นการชุมนุม ใหญ่ 19 ก.ย. 63 ยังต้องตามว่าจะยืดเยื้อหรือมีเหตุรุนแรงตามมาหรือไม่
เราจึงยังคงมุมมองเป็นกลางต่อ SET INDEX ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมที่จะได้อานิสงสเ์ชิงบวกยังเป็นท่องเที่ยว MINT, CENTEL, SHR, AOT, MAJOR, SPA กลุ่มการแพทย์ BDMS, BCH ที่จะได้ประโยชนจ์ากการเปิดรับรักษาผู้ป่วยต่างชาติกลุ่มนิคม AMATA, WHA ที่นักธุรกิจสามารถเข้ามาทำธุรกรรมได้ง่ายขึ้นรวมถึง TPIPP ที่จะได้ผลดีจาก พัฒนาเศรษฐกิจภาคใต้ และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ NOBLE, ANAN ผนวกกับกลุ่มยานยนต์ SAT, AH ที่คาดว่าจะมีมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเพิ่มเติม
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Yuanta Securities