เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (BK:CPF) ได้รับผลดีทางอ้อมจากบริษัทย่อยซื้อกิจการสุกรเพิ่ม
CTI เข้าซื้อธุรกิจสุกรเพิ่ม
วานนี้ (14 ก.ค.) CPF มีการแจ้งตลาดหลักทรัพย์ถึงการเข้าซื้อกิจการสุกร ของบริษัทย่อย จากบริษัท CTAI (ถือหุ้นโดย CPG ที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน CPF จำนวน 48% เช่นกัน) ธุรกรรมครั้งนี้จะทำโดย CTI (ถือหุ้นโดย CPP ในสัดส่วน 100% และ CPF ถือหุ้น CPP อีกทีที่ 52%) ผ่านการออกหุ้น เพิ่มทุนใน CTI มูลค่าประมาณ 4,109 ล้านเหรียญฯ (131,287 ล้านบาท) ภายหลังจากการเพิ่มทุนเสร็จทำให้ CPP ถือหุ้นใน CTI เหลือ 35% ธุรกรรมนี้คาดว่าจะเสร็จในช่วง 4Q20 ทั้งนี้มูลค่ากิจการที่เข้าซื้อคิดเป็น อัตราส่วน P/E เพียง 6 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมที่ระดับ 10.3 เท่า
ธุรกิจสุกรที่จีนยังเติบโตได้อีกมาก
การตัดสินใจเข้าซื้อธุรกิจสุกรครั้งนี้ทาง CPF มองว่าเป็นจังหวะที่ดี เนื่องจากธุรกิจสุกรที่ประเทศจีนเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลกและมีการ เติบโตเฉลี่ยปีละกว่า 8.3% ในช่วงปี 10 -19 ที่ผ่านมา ขณะที่ปัจจุบันธุรกิจสุกรในจีนยังคงได้รับผลกระทบจากโรค AFS ที่เกิดในช่วงปลายปี 18 อยู่ ทำให้การผลิตรวมจะอยู่ในระดับ 400 -500 ล้านตัวเท่านั้น ลดลงมาจาก ก่อนหน้านี้ที่ผลิตเฉลี่ย 600 - 700 ล้านตัว โดยปัจจุบันบริษัทที่จะเข้าไปซื้อ มีการผลิตสุกรอยู่ประมาณ 4. 2 ล้านตัว (คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 0.8 % และนับเป็นลำดับที่ 4 สำหรับปี 19 ) ขณะที่มีกำลังการผลิตกว่า 7.2 ล้าน ตัว/ปีและมีแผนเพิ่มเป็น 12 ล้านตัวได้ภายในปี 22 ซึ่งกำลังการผลิตที่ยังเหลือนี้ทำให้ยังมีโอกาสเห็นเติบโตได้อีกมากในอนาคต นอกจากนี้ผลดี จากการที่ CTI ทำธุรกิจด้านอาหารสัตว์จะช่วยลดต้นทุนให้กับธุรกิจสุกรได้ อย่างมาก (ต้นทุนการเลี้ยงมาจากอาหารสัตว์กว่า 60 - 7 0%)
ผลกระทบโดยตรงรายได้จะลด แต่กำไรเพิ่ม
ผลกระทบจากการเข้าซื้อครั้งนี้จะทำให้ CPF มีรายได้ที่ลดลงเนื่องจาก CPP จะไม่มีการรวมงบการเงินของ CTI เข้ามา แต่จะไปรับรู้ผ่านส่วนแบ่ง กำไรจากเงินลงทุนแทน โดยผลประกอบการของ CTI คาดว่าจะดีขึ้น หลังจากรวมธุรกิจเลี้ยงสุกรเข้ามา ซึ่งผลประกอบการในช่วง 5 M20 ของธุรกิจสุกรมีกำไรกว่า 13,000 ล้านบาท ได้รับผลดีจากราคาสุกรที่เพิ่มขึ้น กว่า 50% มาอยู่ที่ 30 -36 หยวนในปี 2 0 เทียบกับ 20 หยวนในปี 19 (ส่วน กำไรของ CTI ในช่วง 1H20 เพียง 2,700 ลบ.) ทำให้หลังการเข้าซื้อแล้ว CPF จะได้รับผลดีจากการถือหุ้นใน CTI เพิ่มขึ้นได้แม้ว่ารายได้จะลดลงก็ตาม(หากรวมกำไรในช่วง 5M20 ของธุรกิจสุกรและ 1H20 ของ CTI แล้ว รับรู้ส่วนแบ่งเพียง 35% จะมีจำนวนประมาณ 5,500 ลบ. มากกว่ากำไรจาก CTI ที่ถือในสัดส่วน 100 % แล้ว
ทั้งนี้ทาง CPF ได้มีการประเมินผลกระทบ จากการซื้อครั้งนี้ว่าหากเกิดขึ้นตั้งแต่ 12 เดือนที่แล้ว ( 2H19 -1H20 ) จะทำให้รายได้ลดลงประมาณ 2 2 % แต่มีกำไรเพิ่มขึ้น 11% (สำหรับปี 21 เรา ยังอยู่ระหว่างรอข้อมูลเพิ่มเติมหลังสิ้นสุดการซื้อในช่วงปลายปีนี้อีกครั้ง ก่อนจะทำการปรับประมาณการแต่มีแนวโน้มปรับขึ้นหลังจากราคาสุกรยังมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูงได้ต่อ)
มองได้ประโยชน์ระยะยาว ขณะที่ระยะสั้นจะมีกำไรพิเศษด้วย
รวมแล้วเราคาดว่าการเข้าซื้อครั้งนี้จะเป็นผลดีสำหรับ CPF ระยะยาวที่จะ ทำให้ธุรกิจที่ประเทศจีนมีการบริหารที่ครบวงจรมากขึ้นจากเดิมที่มีเพียง ธุรกิจอาหารสัตว์และอาหารแปรรูป ซึ่งจะหนุนให้มีผลประกอบการมีการ ขยายตัวได้อีกมากตามการฟื้นตัวของธุรกิจสุกรในจีน นอกจากนี้ในระยะ ยาวทาง CPF มีแผนจะนำบริษัท CTI เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกที่ cgsec.co.th