หุ้นเทคโนโลยีกลุ่ม FAANG ที่เราเคยรู้จัก อาจจะต้องกลายเป็น #FANTAZIAM แล้ว หลัง Tesla (NASDAQ:TSLA) Microsoft และ Zoom กำลังมาเคาะประตูขอร่วมแก็ง !
นักลงทุนทุกท่านโดยเฉพาะสายเน้นหุ้นเทคโนโลยีนั้นคงต้องคุ้นชินกับคำว่าหุ้นกลุ่ม #FAANG อยู่แล้ว แต่ในอนาคตอันใกล้ #คำๆนี้อาจจะเฉยไปแล้ว เพราะทางนักลงทุนต่างชาติกำลังจะเริ่มเปลี่ยนชื้อนี้มาเป็นกลุ่ม FANTAZIAM !
FAANG คือหุ้นของกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีอเมริกาที่ได้รับความนิยมและมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด (ผลตอบแทนสูงกว่าดัชหลักอย่าง S&P500 หลายเท่า) ประกอบด้วยหุ้นของ
- Facebook
- Amazon
- Apple (NASDAQ:AAPL)
- Netflix (NASDAQ:NFLX)
- Google (NASDAQ:GOOGL) หรือ Alphabet
แน่นอนว่าชื่อของบริษัททั้ง 5 นั้นโด่งดังมาก และนอกจากจะทำรายได้ได้อย่างหมาศาลแล้ว บริษัทเหล่านี้ยังล้วนเข้าไปผูกพันในชีวิตประจำวันของพวกเราทุกคนอย่างมากด้วย โดยหลายๆครั้งเราแทบจะเรียกชื่อบริษัทเหล่านี้แทนสิ่งของหรือการกระทำที่เรากำลังทำอยู่เช่น
แทนที่เราจะพูดว่า "เดี๋ยวผมขอไปหาข้อมูลเพิ่มเติมก่อน" เราจะพูดว่า "เดี๋ยวผมขอไป Google ก่อน"
แทนที่เราจะพูดว่า "คืนนี้ดูหนังกันไหม" เรากลับพูดว่า "คืนนี้ดู Netflix กันไหม" และอื่นๆอีกมากมาย
#แต่... นับตั้งแต่ไวรัสโควิดระบาดไปทั่วโลก และเร่งให้เกิดการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆกันมากขึ้น กลุ่มบริษัท FAANG กลับไม่ใช่ดาวเด่นแค่ 5 ดวงอีกต่อไปแล้ว แต่ยังมีเพื่อนใหม่อีก 4 บริษัทที่มูลค่ากำลังโตอย่างก้าวกระโดไม่แพ้กัน และทางนักลงทุนสหรัฐกำลังเรียกชื่อกลุ่มนี้ว่า FANTAZIAM หรือออกเสียงคล้ายๆกับคำว่า Fantasia นั้นเอง
FANTAZIAM นั้นประกอบไปด้วย
- Facebook Inc (NASDAQ:FB)
- Alphabet (Google)
- Netflix
- Tesla Inc (NASDAQ:TSLA)
- Amazon.com Inc (NASDAQ:AMZN)
- Zoom
- Internet (XWEB)
- Apple
- Microsoft.
แน่นอนว่าหุ้นแรกที่สมควรจะได้เขาไปเป็นสมาชิกใหม่ในกลุ่มนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก #Tesla ซึ่งเป็นหุ้นบริษัทเทคโนโลยี (ไม่ใช่แค่บริษัทรถยนต์นะครับ ขอย้ำ) ที่ทางเพจมองว่ามีโอกาสเติบโตมากที่สุดในหุ้นกลุ่มนี้ และได้คอยเขียนบทวิเคราะห์ออกมาเรื่อยๆตลอด
ต่อมาคือ Google ในที่สุดก็จะได้กลับไปใช้ชื่อว่า Alphabet แล้วไม่จำเป็นต้องเป็นตัว G อีกต่อไป
ส่วนทางด้าน Microsoft นั้นโดนดึงเข้ามาร่วมเพราะหลังจากช่วงโควิดนั้นราคาก็ดีดขึ้นไปมาก นอกจากจะดีดกลับมาสูงกว่าระดับต้นปีแล้วยังบวกขึ้นไปกว่า +30% อีกด้วย
และแน่นอนว่าทาง Zoom ซึ่งเป็นหุ้นน้องใหม่ด้าน Telecommunication ห้องประชุม Online ที่ราคาขึ้นมาเกือบ 6 เท่าแล้วในปีนี้และเชื่อว่าไม่มีใครรู้จัก จึงต้องโดนดึงมาร่วมกลุ่มด้วย
สุดท้ายนี้ทางตัว I ก็คือกองทุน Internet ETF ของ SPDR S&P ที่ผลตอบแทนเกินกว่า 50% แล้วในปีนี้ หลังจากความจำเป็นในการใช้อินเตอร์เน็ตนั้นพุ่งขึ้นกระฉูดในปีนี้
#หุ้นเหล่านี้แพงไปหรือยัง ?
แน่นอนว่านี่จะเป็นคำถามที่ต้องโดนถามอยู่เสมอสำหรับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ที่มี P/E Ratio (Price to Earning Ratio) สูงกระฉูดทุกๆตัว นำโด่งมาโดย Tesla ที่มี P/E ที่สูงเกิน 1,000 มาแล้วแต่ล่าสุดราคาหุ้นตกลงมาจึงมี P/E อยู่ที่ 800 และ Zoom ตามมาเป็นบริษัทที่ 2 ที่มี P/E สูงถึง 400 ในขณะที่ Amazon อยู่อันดับที่ 3 ที่ 100 นิดๆ และคนอื่นๆเฉลี่ยอยู่ที่ 30 กว่าๆ (รายละเอียดทั้งหมดแนบในคอมเม้นท์)
แน่นอนว่าหากเทียบ P/E Ratio ของหุ้นกลุ่มนี้แล้ว จะสูงกว่าค่า P/E เฉลี่ยของดัชนี S&P500 ที่มี P/E อยู่ที่ประมาณ 20 เท่านั้น จะทำให้ดูสูงมากๆ แต่การเติบโตในของธุรกิจอนาคตนั้นต้องบอกได้ว่าเทรนด์นั้นต้องพึ่งพาเทคโนโลยีในการขยายธุรกิจจริงๆ ทำให้นักลงทุนใส่ความคาดหวังกับหุ้นกลุ่มนี้เยอะ
การลงทุนในกลุ่มหุ้นที่มี P/E สูงนั้น #มีความเสี่ยงแน่นอน เพราะหากทางบริษัทไม่สามารถโดตได้ตามเป้าราคาหุ้นอาจโดนเทขายได้หนัก และอาจจะกลายเป็นแค่ Fantasie หรือแค่ความฝันจริงๆตามชื่อก็ได้
แต่ก็ต้องยอมรับว่า หุ้นกลุ่ม FANTAZIAM ที่มีความคาดหวังของ Growth สูงขนาดนี้นั้น #จึงเป็นหุ้นแห่งอนาคตแน่ๆ เพราะฉะนั้นนักลงทุนควรทำความรู้จักกันไว้ตั้งแต่วันนี้จะได้ไม่เฉยที่จะรู้จักแต่กลุ่ม FAANG นะครับ
#ทันโลกกับTraderKP
บทวิเคราะห์นี้เผยแพร่ครั้งแรกที่เพจ Oil Trading - ทันตลาดน้ำมันและเศรษฐกิจโลกกับ KP