รับส่วนลด 40%
ใหม่! 💥 รับ ProPicks เพื่อดูกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทน ชนะดัชนี S&P 500 มากกว่า 1,183% รับส่วนลด 40%

ทำไมการนำเข้าน้ำมันดิบของจีนจะลดลงชั่วคราว

เผยแพร่ 11/09/2563 17:50

หากผู้อ่านได้ติดตามบทความเกี่ยวกับน้ำมันดิบของฉันมาโดยตลอดจะทราบดีว่าในช่วง 2 เดือนล่าสุดฉันได้เขียนบทความที่เตือนถึงปริมาณความต้องการน้ำมันดิบลดลงซึ่งในสัปดาห์นี้เราก็ได้เห็นกันแล้วว่าราคาน้ำมันดิบได้ปรับตัวลดลงมากขนาดไหน ก่อนหน้านี้ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่เคยยืนอยู่เหนือ $40 ต่อบาร์เรลได้กลับร่วงลงมา 7% สร้างจุดต่ำสุดเอาไว้ที่ $36.76 ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์วิ่งลงมาที่ $39.78 ต่อบาร์เรลคิดเป็นการปรับตัวลดลงมา 5%WTI Crude Futures Monthly Chart

บทความของสัปดาห์ที่แล้วเราได้พูดถึงความต้องการน้ำมันดิบในสหรัฐอเมริกาที่หดตัวลงเพราะสภาวะทางเศรษฐกิจ ในสัปดาห์นี้เราจะมาดูสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในประเทศจีนซึ่งถือเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลกและเป็นประเทศเดียวที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะสามารถแสดงตัวเลขการเติบโตของความต้องการน้ำมันดิบได้ในปี 2020 นี้

อันที่จริงแล้วมีสัญญาณบ่งบอกมาว่าความต้องการน้ำมันดิบในประเทศจีนกำลังจะลดลงภายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้าแต่ข่าวดีก็คือสาเหตุของความต้องการน้ำมันที่จะลดลงนั้นเกิดมาจากปัญหาทางเทคนิคและข้อกฎหมายบางประการซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนกันได้ ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างขนาดใหญ่ที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจภายในประเทศระยะยาว

สาเหตุที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงในสัปดาห์นี้เป็นเพราะซาอุดิอาระเบียซึ่งเป็นพี่ใหญ่ของกลุ่มโอเปกได้ปรับลดราคาขายน้ำมันที่จะส่งมายังฝั่งเอเชีย หากยังจำกันได้ก่อนหน้านี้ซาอุดิอาระเบียไม่สามารถลดราคาขายน้ำมันที่จะส่งมอบมายังจีนและเอเชียในเดือนกันยายนในช่วงต้นเดือนสิงหาคม ดังนั้นตอนนี้ซาอุดิอาระเบียจึงพยายามที่จะลดราคาขายน้ำมันน้ำหนักเบาที่จะส่งมอบในเดือนตุลาคมมายังฝั่งเอเชีย

นักวิเคราะห์หลายคนตีความราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงในตอนนี้ว่าเกิดจากความต้องการน้ำมันที่ลดลงและสภาพเศรษฐกิจที่เปราะบาง แต่ฉันก็สามารถหาเหตุผลมาโต้แย้งได้ว่าสำหรับประเทศจีนแล้วความต้องการน้ำมันที่ลดลงเป็นเพียงสิ่งที่เกิดขึ้นชั่วคราวเท่านั้น

1. โรงกลั่นน้ำมันไม่สามารถนำเข้าน้ำมันเกินโควตาที่กำหนดได้

ผู้ประกอบการโรงกลั่นน้ำมันอิสระอิสระในประเทศจีนไม่ได้อยากซื้อน้ำมันดิบมากถึง 40% ภายในเดือนกันยายนและตุลาคมซึ่งสาเหตุเกิดจากตอนนี้โควตาการนำเข้าน้ำมันของพวกเขาได้ขึ้นมาถึงจุดที่รัฐบาลกำหนดเอาไว้แล้ว แทนที่จะเลือกหยุดการผลิตน้ำมันพวกเขาเลือกที่จะกลั่นน้ำมันจากน้ำมันดิบที่มีอยู่ในคลังมากกว่า ที่จริงแล้วบริษัทเหล่านี้ทราบดีว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับพวกเขาแต่เพราะทุกอย่างต้องดำเนินการตามกฎหมายจากรัฐบาลดังนั้นการเลือกที่จะทำตามกระบวนการไปจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่าภายในไตรมาสที่ 4 รัฐบาลจีนอาจจะให้โควตาพิเศษสำหรับการนำเข้าน้ำมันดิบได้ นี่คือเหตุผลประการแรกที่ราคาน้ำมันจะลดลงชั่วคราว

2. ความแออัดที่ท่าเรือขนส่งน้ำมัน

ในเดือนสิงหาคมประเทศจีนประสบปัญหาการนำเข้าน้ำมันดิบเข้ามาจนท่าเรือที่ใช้ในการขนส่งต้องเป็นอัมพาต ถามว่าแออัดขนาดไหน? ก็แออัดถึงขนาดที่ว่าบางบริษัทไม่มีที่จัดเก็บน้ำมันเหลืออยู่เลย ถึงตอนนี้ความแออัดนั้นจะลดลงไปแล้วแต่ก็ยังมีเรือบรรทุกน้ำมันที่รออยู่นอกชายฝั่งที่ไม่สามารถเทียบท่าได้ซึ่งการลดการนำเข้าน้ำมันในเดือนกันยายนและตุลาคมจะช่วยลดปัญหาความแอดอัดนี้ลง

3. การกระตุ้นเศรษฐกิจ

หลังจากเศรษฐกิจของประเทศจีนต้องเจอกับความยากลำบากในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาในไตรมาสที่ 1 จนต้องล็อกดาวน์กันไป จากนั้นรัฐบาลจีนได้มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยมุ่งเน้นไปที่ภาคการก่อสร้างเป็นหลักซึ่งมีความจำเป็นต้องใช้น้ำมันดีเซลเป็นจำนวนมาก ในช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน หากดูข้อมูลทางสถิติแล้วจะพบว่าจีนเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดีเซลในช่วงเวลานั้นประมาณ 30% ซึ่งมากกว่าความต้องการน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์และเครื่องบินของจีนในปี 2020

นี่คือสิ่งที่สวนทางกับประเทศสหรัฐอเมริกาที่ตัวเลขความต้องการน้ำมันเชื้อเพลิงมีมากกว่าน้ำมันดีเซลและเชื้อเพลิงของเครื่องบิน หากเปรียบเทียบข้อมูลความต้องการน้ำมันดีเซลของจีนระหว่างปีนี้กับปี 2019 คาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นประมาณ 2% ถึงจะถูกไวรัสโคโรนาเข้ามาทำร้ายเศรษฐกิจของประเทศความต้องการน้ำมันดีเซลในประเทศจีนของปี 2020 น่าจะเพิ่มขึ้นมากกว่าปี 2019 อยู่ที่ประมาณ 60,000 - 90,000 บาร์เรลต่อวัน

โดยสรุปแล้ว

จากเหตุผลที่ยกมาทำให้เราเชื่อว่าการนำเข้าน้ำมันดิบของจีนจะกลับมาดีขึ้นอีกครั้งก่อนถึงช่วงสิ้นปีหลังจากปัญหาทางเทคนิคเหล่านี้จบลง ยิ่งราคาน้ำมันดิบในช่วงฤดูใบไม้ร่วงมีราคาต่ำเท่าไหร่ยิ่งทำให้จีนอยากนำเข้าน้ำมันมาเพื่อกลั่นและกักเก็บมากเท่านั้นเพราะจีนทราบดีว่าต้องรีบกักตุนน้ำมันก่อนที่เศรษฐกิจของประเทศอื่นๆ จะฟื้นตัวในปี 2021

อย่างไรก็ตามนักลงทุนอย่าลืมประเมินความเสี่ยงจากผู้เล่นรายอื่นๆ ในตลาดน้ำมันด้วยเพราะจีนไม่ใช่ประเทศเดียวที่นำเข้าน้ำมันแต่ยังมีสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ ในยุโรปที่ตอนนี้ยังอ่อนแรงจากการถูกไวรัสโคโรนาเล่นงานอยู่

ความคิดเห็นล่าสุด

การนำเข้าใช้ผลิตน้ำมันเบรนต์ส่วนสะต๊อกใช้น้ำมันตัวเอง
การเปิดเผยความเสี่ยง: การซื้อขายตราสารทางการเงินและ/หรือเงินดิจิตอลจะมีความเสี่ยงสูงที่รวมถึงความเสี่ยงต่อการสูญเสียจำนวนเงินลงทุนของคุณบางส่วนหรือทั้งหมดและอาจไม่เหมาะสมกับนักลงทุนทั้งหมด ราคาของเงินดิจิตอลแปรปรวนอย่างมากและอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ทางการเงิน กฎหมายกำกับดูแล หรือ เหตุการณ์ทางการเมือง การซื้อขายด้วยมาร์จินทำให้ความเสี่ยงทางการเงินเพิ่มขึ้น
ก่อนการตัดสินใจซื้อขายตราสารทางการเงินหรือเงินดิจิตอล คุณควรตระหนักดีถึงความเสี่ยงและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายในตลาดการเงิน ควรพิจารณาศึกษาอย่างรอบคอบในด้านวัตถุประสงค์การลงทุน ระดับประสบการณ์ และ การยอมรับความเสี่ยงและแสวงหาคำแนะนำทางวิชาชีพหากจำเป็น
Fusion Media อยากเตือนความจำคุณว่าข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้ไม่ใช่แบบเรียลไทม์หรือเที่ยงตรงแม่นยำเสมอไป ข้อมูลและราคาที่แสดงไว้บนเว็บไซต์ไม่ใช่ข้อมูลที่ได้รับจากตลาดหรือตลาดหลักทรัพย์เสมอไปแต่อาจได้รับจากผู้ดูแลสภาพคล่องและดังนั้นราคาจึงอาจไม่เที่ยงตรงแม่นยำและอาจแตกต่างจากราคาจริงในตลาดซึ่งหมายความว่าราคานี้เป็นเพียงราคาชี้นำและไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขาย Fusion Media และผู้ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้จะไม่รับผิดชอบใด ๆ สำหรับความเสียหายหรือการสูญเสียที่เป็นผลมาจากการซื้อขายของคุณหรือการพึ่งพาของคุณในข้อมูลที่มีในเว็บไซต์นี้
ห้ามใช้ จัดเก็บ ทำซ้ำ แสดงผล ดัดแปลง ส่งผ่าน หรือ แจกจ่ายข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้โดยไม่ได้รับการอนุญาตล่วงหน้าอย่างชัดแจ้งแบบเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Fusion Media และ/หรือจากผู้ให้ข้อมูล ผู้ให้ข้อมูลขอสงวนสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาและ/หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ให้ข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้
Fusion Media อาจได้รับผลตอบแทนจากผู้โฆษณาที่ปรากฎบนเว็บไซต์โดยอิงจากปฏิสัมพันธ์ของคุณที่มีกับโฆษณาหรือผู้โฆษณา
เวอร์ชั่นภาษาอังกฤษของเอกสารฉบับนี้เป็นเวอร์ชั่นหลักซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่เหนือกว่าเมื่อใดก็ตามที่มีข้อขัดแย้งไม่สอดคล้องตรงกันระหว่างเอกสารเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษกับเอกสารเวอร์ชั่นภาษาไทย