คาด SET INDEX สัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบ 1270 – 1320 คาดวันอังคาร ดัชนีอาจเผชิญแรงกดดันบ้างจากการที่ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวลง 3.3% ในช่วง 2 วันทำการที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามแรงกดดันไม่น่าแรงมากนัก เนื่องจากเมื่อคืนจิตวิทยาการลงทุนเป็นบวกจากตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 2% ส่วน สหรัฐปิดทำการเนื่องในวันแรงงาน แต่หากผิดไปจากคาดกล่าวคือตลาดหุ้นปรับฐานลงมานักลงทุนที่เน้นลงทุนระยะยาวราว 2-3 ปีขึ้นไปเรามองบริเวณ 1300 จุด +/- เป็นน่าสนใจซื้อเพื่อลงทุนได้เน้นหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่ง (ADVANC BEM BTS BJC CPALL (BK:CPALL) CRC)
ส่วนนักลงทุนระยะสั้นหากดัชนีปรับฐานลงต่ำกว่า 1285 แนะถือครองเงินสดมากขึ้น สำหรับอุตสาหกรรมที่มองว่าน่าสนใจ สำหรับสัปดาห์นี้ได้แก่ ค้าปลีก (BJC CPALL CRC) เชื่อว่าราคาหุ้นที่ปรับฐาน ลงมาก่อนหน้านี้สะท้อนผลประกอบการที่อ่อนแอช่วง 2Q20 ไปแล้ว ขณะที่จากนี้จะเข้าสู่ช่วงการฟื้นตัว กอปรกับเป็นอุตสาหกรรมแรกๆที่ได้รับประโยชน์ จากมาตรการกระตุ้นจากทางภาครัฐที่ออกมาในสัปดาห์ก่อน ถัดมามองไปยังกลุ่มที่อิงรายได้จากลูกค้าคนไทยเป็นหลัก อาทิ (JWD MAJOR PTG) และ สุดท้ายกลุ่มโรงไฟฟ้าโดยเฉพาะ (EGCO GUNKUL RATCH) เป็นกลุ่มที่ได้ ประโยชน์สูงสุดจากดอกเบี้ยที่ยังอยู่ระดับต่ำ ขณะที่การปรับฐานลงมาของราคาหุ้นเปิด Upside จากราคาเป้าหมายเรารวมถึงมีระดับอัตราเงินปันผล เฉลี่ย 4-5% ต่อปี
Weekly Strategy
นักลงทุนระยะสั้นแนะจับตาดูบริเวณ 1285 หากสัปดาห์นี้มีจังหวะถอยต่ำกว่า บริเวณดังกล่าวแนะเพิ่มการถือครองเงินสดมากกว่าเดิม ส่วนนักลงทุนระยะ ยาวหากพิจารณาบริเวณ 1300 จุด และมีระยะเวลาลงทุนมากกว่า 2-3 ปี ขึ้น ไปเรามองว่าบริเวณดังกล่าวสามารถทยอยซื้อได้ เน้นหุ้นปัจจัยพื้นฐานดี (ADVANC BEM BTS BJC CPALL CRC) ส่วนนักลงทุนรับความเสี่ยงสูง และเน้นระยะสั้นสัปดาห์นี้แนะนำ (GUNKUL JWD MAJOR PTG)
GUNKUL (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 3.24 บาท) ราคาหุ้นที่ปรับฐานลง มาคาดสะท้อนผลประกอบการที่อ่อนแอในช่วง 2Q20 ไปแล้ว ส่งผลให้ปัจจุบันซื้อขายที่เพียง 10x Trailing PE กอปรกับมีอัตรา เงินปันผลราว 5.4% ต่อปี ขณะที่แนวโน้มครึ่งปีหลังคาดผลประ กอบการจะเห็นการเติบโตเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก ผลจากการรับรู้ รายได้ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่มี Backlog อยู่ราว 8 พันล้านบาท รวมถึงมีการรับรู้รายได้ 60 MW จากโครงการโรงไฟฟ้าใน เวียดนาม
JWD (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 9.5 บาท) ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 9.5 บาท จาก 8.5 บาท โดยเป็นการปรับไปใช้กำไรปี 21 ส่วน แนวโน้มครึ่งปีหลังผลประกอบการ คาดเติบโตเมื่อเทียบกับครึ่งปี แรกหนุนจากธุรกิจคลังสินค้ายานยนต์ ที่จะฟื้นตัวตามการกลับมา ผลิตรถยนต์ที่ฟื้นตัว ถัดมาแรงหนุนจากธุรกิจคลังสินค้าอันตรายที่ จะกลับมาฟื้นตัวตามปริมาณส่งออกเคมีภัณฑ์ที่เริ่มกลับมาปกติ
บทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกที่ cgsec.co.th