หากคุณเป็นคนที่ไม่ชอบความเสี่ยงแต่ในขณะเดียวกันก็วางแผนที่จะใช้ชีวิตบั้นปลายด้วยตัวคนเดียวทางเลือกในการหารายได้ที่มั่นคงไปจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตดูเหมือนจะมีไม่มากนัก สำหรับตอนนี้เรากำลังอาศัยอยู่ในโลกที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำ การเก็บเงินวางไว้ในบัญชีเฉยๆ แทบไม่มีประโยชน์อะไรเลยเพราะผลตอบแทนจากเงินเก็บนั้นต่ำมาก
อย่างไรก็ตามการลงทุนในหุ้นที่ดูแล้วสามารถให้ผลตอบแทนได้และยังมีโอกาสที่การปันผลนั้นจะเติบโตขึ้นอีกในอนาคตถือเป็นโอกาสในการสร้างความมั่นคงเพราะบริษัทที่สามารถปันผลได้อย่างสม่ำเสมอมักจะเป็นบริษัทที่มีความมั่นคงอยู่ในตัวสูงอยู่แล้ว ในบทความนี้เราได้นำข้อมูลของหุ้น 3 ตัวที่มีการเติบโตของตัวเลขปันผลที่นักลงทุนวัยเกษียณควรพิจารณาสำหรับการลงทุนระยะยาว
1. Microsoft
นักลงทุนบางคนประเมินบริษัทไมโครซอฟต์ (NASDAQ:MSFT) แค่เพียงผิวเผินเท่านั้นว่าเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่มีปัจจัยการเติบโตไม่ต่างจากบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ แต่ในมุมมองของเราไมโครซอฟต์คือตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการถือหุ้นเอาไว้ในระยะยาว
ในช่วง 5 ปีหลังสุดหุ้นไมโครซอฟต์ได้ให้ผลตอบแทนอย่างดีกับผู้ถือหุ้นของพวกเขามาโดยตลอดจากผลงานขาขึ้นตลอด 5 ปีนั้นมากกว่า 400% ไมโครซอฟต์ได้เปรียบจากการเติบโตของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและบริษัทก็ยังเรียนรู้ที่จะปรับตัวได้ เปลี่ยนผลิตภัณฑ์ชื่อดังดั้งเดิมที่มีอย่าง “ออฟฟิศ (Office)” ให้มีความเป็นสมัยใหม่และใช้งานร่วมกับการเก็บข้อมูลบนระบบคลาวด์
จากอดีตตั้งแต่เราเริ่มรู้จักการทำงานด้วยโปรแกรมในตระกูลออฟฟิศต่างๆ มาจนถึงปัจจุบัน ตอนนี้ยอดผู้ใช้งานระบบปฏิบัติการวินโดว์เฉพาะคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะทำงานยังกินส่วนแบ่งทางการตลาดได้มากถึง 82% ทำกำไรให้กับไมโครซอฟต์อย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่าผลิตภัณฑ์หลักที่ยังนำรายได้เข้าสู่บริษัทเสมอก็ยังคงเป็นออฟฟิศที่คนส่วนใหญ่ยังต้องพึ่ง “ไมโครซอฟต์ เวิร์ด (Microsoft Words)” อยู่
หากคุณเป็นนักลงทุนแล้วไมโครซอฟต์ถือเป็นหนึ่งในหุ้นที่ควรซื้อเก็บไว้ในพอร์ตไม่ต่างจากทองคำ ในยามที่เศรษฐกิจตกต่ำก็สามารถใช้เป็นเกราะกำบังได้และในยามที่เศรษฐกิจดีก็สามารถทำเกมรุกให้กับพอร์ตได้เช่นกัน เมื่อพูดถึงการปันผลที่ผ่านมาไมโครซอฟต์ก็มีชื่องเสียงที่ดีเยี่ยมมาตลอด จากปี 2004 ที่บริษัทเริ่มปันผลเป็นครั้งแรกมาจนถึงปัจจุบันตอนนี้ตัวเลขการเติบโตของการปันผลเพิ่มขึ้นมาแล้วมากถึง 5 เท่าโดยสาเหตุหลักมาจากโครงสร้างทางธุรกิจที่แข็งแกร่งและอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ดี
ปัจจุบันไมโครซอฟต์มีตัวเลขการปันผลรายไตรมาสอยู่ที่ $0.51 ต่อหุ้นและมีตัวเลขการปันผลรายปีอยู่ต่ำกว่า 1% แม้จะดูน้อยแต่อย่าลืมว่าไมโครซอฟต์เป้นบริษัทที่มีการเติบโตอยู่ในทุกๆ ปี ตลอด 5 ปีที่ผ่านมาไมโครซอฟต์สามารถจ่ายเงินปัลผลคืนแก่นักลงทุนไปแล้ว 420% ของเงินลงทุนและมีราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ $227.27
2. Procter & Gamble
บริษัทข้ามชาติผู้ผลิตและจำหน่ายสินค่าอุปโภคบริโภคจากสหรัฐอเมริกา “พรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล หรือพีแอนด์จี” (NYSE:PG) คืออีกหนึ่งบริษัทในตำนานของประเทศ เพียงซื้อและถือหุ้นของพีแอนด์จีเอาไว้ก็ไม่ต้องทำอะไรแล้วนอกจากนั่งรอรับเงินผลอย่างเดียว
ล่าสุดหุ้นพีแอนด์จีมีราคาปิดอยู่ที่ $138.18 มีเปอร์เซนต์การปันผลอยู่ที่ 2.29% ซึ่งยังคงเพิ่มขึ้นจากอดีตจนถึงปัจจุบัน 61 ปีติดต่อกัน แทบจะไม่มีบริษัทไหนเลยที่สามารถทำสถิติเช่นนี้ได้ การเติบโตของการปันผลอย่างต่อเนื่องแสดงให้เห็นว่าบริษัทมีสภาพคล่องที่ดีมากเพียงใด พีแอนด์จีมีผลิตภัณฑ์ทุกอย่างที่ตอบสนองการใช้งานในชีวิตประจำวันได้หมดไม่ว่าจะเป็นกระดาษชำระไปจนถึงผ้าอ้อมเด็ก
โรคระบาดโควิด-19 ที่เกิดขึ้นคือบทพิสูจน์ที่ดีถึงความแข็งแกร่งของบริษัท พีแอนด์จีตอนนี้ถือเป็นหนึ่งในบริษัทไม่กี่แห่งที่สามารถเดินตามตัวเลขคาดการณ์ผลประกอบการของตัวเองได้อย่างไม่มีสะดุดเพราะในยามที่คนตื่นตระหนกพวกเขาจะไม่ซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยแต่จะวิ่งเข้าหาสินค้าที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
ด้วยอัตราการจ่ายผลตอบแทนที่สูงถึง 66% ทำให้บริษัทยังมีที่ว่างสำหรับนักลงทุนสายความมั่นคง ในช่วง 10 ปีล่าสุดพีแอนด์จีได้เพิ่มตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นขึ้นมาแล้ว 2 เท่าเป็น $0.79 ต่อไตรมาส
3. Johnson & Johnson
3 เหตุผลหลักๆ ที่นักลงทุนควรคำนึงถึงเวลาเลือกหุ้นที่การปันผลมีโอกาสเติบโต หนึ่งความสามารถในการเติบโตของเงินปันผลในอนาคต สองเงินที่บริษัทมีเพื่อเอาไว้จ่ายเงินปันผลและสามประวัติการเติบโตของเงินปันผล
จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสันหรือเจแอนด์เจ (NYSE:JNJ) บริษัทอเมริกันที่อยู่ในอุตสาหกรรมยา เครื่องมือแพทย์และสินค้าอุปโภคบริโภคคือบริษัทที่มีคุณสมบัติครบทั้ง 3 ข้อและมีการเพิ่มเงินปันผลขึ้นในทุกๆ ปีติดต่อกันมา 58 ปีแล้ว
ปัจจุบันเจแอนด์เจมีผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่อยู่ในวงการแพทย์ ได้รับประโยชน์จากโลกที่เปลี่ยนไปพึ่งพาเทคโนโลยีจนทำให้ผู้ป่วยสามารถซื้อยากับทางบริษัทได้โดยตรง ตอนนี้บริษัทกำลังเน้นการพัฒนารูปแบบการกายภาพบำบัดเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็ง ยาที่มีชื่อเสียงของบริษัทที่ทุกคนรู้จักกันดีคือยาแก้ปวดไทลินอล
ล่าสุดหุ้นของบริษัทเจแอนด์เจมีราคาซื้อขายอยู่ที่ $151.52 เพิ่มการปันผลรายไตรมาสขึ้น 6.3% จาก $0.95 เป็น $1.01 มีเปอร์เซนต์การปันผลรายปีอยู่ที่ 2.63%
โดยสรุปแล้ว
หัวใจที่สำคัญของการเลือกหุ้นที่มีความสามารถในการเติบโตของเงินปันผลในอนาคตคือจุดที่เลือกได้ยากที่สุด นอกจากนี้ผู้ลงทุนควรเลือกหุ้นที่มีความมั่นคงในการเพิ่มเงินปันผลด้วยเพื่อช่วยคานความเสี่ยงจากสภาพเศรษฐกิจที่ไม่มีความชัดเจนในปัจจุบัน