เราคาดว่า SET วันนี้จะกลับมาฟื้นตัว
Investment Ideas:
ภาพรวมการลงทุนวันนี้– เราคาดว่า SET Index วันนี้ (2 ก.ย.) มีโอกาสฟื้นตัว หลังปรับลดลงกว่า 21.24 จุด (-1.6%) หลังตอบรับปัจจัยลบระยะสั้นจาก MSCI Rebalancing รวมทั้งผลกระทบเชิงจิตวิทยา หลัง รมว. คลังลาออก หลังเข้ารับตำแหน่งได้เพียง 27 วัน (มีผล 2 ก.ย.) ขณะที่ปัจจัยหนุนระยะสั้นมาจากดัชนีความ เชื่อมั่นทางธุรกิจในเดือน ส.ค. และทั้งแนวโน้มในช่วง 3 เดือนข้างหน้าที่ดีขึ้น รวมทั้งสถานการณ์โควิด-19 ที่ ไม่ได้มีปัจจัยลบเพิ่มเติม เรามองว่าจะทำให้หุ้นใน Theme Investment (ได้ประโยชน์จากการพัฒนาวัคซีนที่ คาดว่าจะประสบความสำเร็จในระยะอันใกล้) ของเราน่าสนใจ รวมทั้งเป็น Sentiment เชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่ม พลังงานและปิโตรเคมี จากความเชื่อมั่นต่อ Demand น้ำมันในช่วงที่เหลือของปี 2563 ถึงปี 2564 ขณะที่ ประเด็นที่น่าสนใจวันนี้ต้องติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อใช้ดูแลเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี 2563 โดยจะเน้นมาตรการระยะสั้น จะมีการเสนอ ศบค. วันนี้ (2 ก.ย.)
มาตรการการปรับโครงสร้างหนี้ลูกหนี้รายย่อยของ ธปท. เป็นบวกมากกว่าลบ เราเลือก ธนาคารกรุงเทพ (BK:BBL)เป็นหุ้นเด่น - ก่อน หน้านี้ (วันที่ 27 ส.ค. 63) ธปท. ออกมาตรการการปรับโครงสร้างหนี้ลูกหนี้รายย่อย ด้วยวิธีการรวมหนี้ (Debt consolidation) ซึ่งทำให้วงเงินสินเชื่อที่อยู่อาศัย และมีสินเชื่อไม่มีหลักประกันรวมประมาณ 1-2 หมื่นล้านบาท (ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ และผู้ประกอบการทางการเงินที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์) สามารถเข้าร่วม โครงการได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ธ.ค. 64 เรามองเป็นทั้งปัจจัยบวกต่อความเสี่ยงของธุรกิจ ในมุมของการตั้งสำรองหนี้ เสียของธนาคารที่มีแนวโน้มน้อยกว่าคาดจากมาตรการดังกล่าว แต่เป็นปัจจัยลบต่อการทำกำไรของธุรกิจ เนื่องจาก จะทำให้อัตราดอกเบี้ยที่เรียกเก็บจากลูกหนี้ลดลงซึ่งจะกระทบต่ออัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง (EIR) เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ลูกหนี้จะปรับลดลง เท่ากับอัตราดอกเบี้ยลูกหนี้รายย่อยชั้นดี (MRR) ปัจจุบันอยู่ที่ 5.75% - 8.80% ซึ่ง เราคาดว่าปัจจัยดังกล่าวจะกระทบต่อราคาหุ้นเป็นเชิงลบในระยะสั้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยลบต่อธนาคารที่มีสัดส่วน สินเชื่อรายย่อยที่เข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ระยะที่ 1 มากที่สุด อย่าง KTB SCB และ BAY ทำให้เราเลือก BBL (ซื้อ, ราคาเป้าหมาย 150.00 บาท) เป็นหุ้นเด่น เนื่องจากสัดส่วนลูกหนี้รายย่อยที่อยู่ในระดับต่ำ
ธปท. รายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือน ส.ค. ดีขึ้น MoM แต่ยังต่ำกว่าเกณฑ์ – ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือน ส.ค. 2563 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่สี่ มาอยู่ที่ระดับ 45.7 จากความเชื่อมั่นที่ดีขึ้นในเกือบทุกธุรกิจ โดยเฉพาะในภาคการผลิตสำคัญอย่างกลุ่มผลิตเครื่องจักรและ อุปกรณ์ รวมถึงกลุ่มผลิตยานยนต์ที่ได้รับปัจจัยบวกจากการส่งเสริมการขายและการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ในระยะที่ผ่านมา ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ในอีก 3 เดือนข้างหน้า ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาอยู่เหนือระดับ 50 ได้เป็น ครั้งแรก สะท้อนความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มธุรกิจจะเริ่มปรับดีขึ้นจากปัจจุบัน โดยเฉพาะด้านการผลิตและคำสั่งซื้อ นำโดยกลุ่มผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่ม และกลุ่มผู้ผลิตยานยนต์ รวมถึงผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ และผู้ผลิต อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ดัชนีที่ปรับเพิ่มขึ้นมากในเดือน ส.ค. สะท้อนความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในภาคการผลิต ที่ฟื้นตัวค่อนข้างดี ด้านภาคที่มิใช่การผลิต ดัชนีปรับเพิ่มขึ้นในเกือบทุกธุรกิจเช่นกัน ยกเว้นกลุ่มก่อสร้าง
รายงานเศรษฐกิจสหรัฐฯ และจีนแข็งแกร่ง ยุโรปยังอ่อนแอ - โดยผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) รายงานดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐฯ เดือน ส.ค. อยู่ที่ 56.0 ดีกว่าคาด โดยสถิติดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากเดือน ก.ค. ที่ 54.2 และ ขยายตัวเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน สะท้อนภาวะขยายตัว โดยได้รับปัจจัยบวกจากการเพิ่มขึ้นของ คำสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงาน การรายงานของ ISM ดังกล่าวสอดคล้องกับรายงานของไอเอชเอส มาร์กิต ที่ระบุว่า ดัชนี PMI ภาคการผลิตของสหรัฐฯ ในเดือน ส.ค. อยู่ที่ 53.1 เพิ่มขึ้นจากเดือน ก.ค. ที่ 50.9 ขณะที่ผลสำรวจดัชนี PMI ภาคการผลิตของจีน ในเดือน ส.ค. อยู่ที่ 53.1 ดีกว่าคาด และเพิ่มขึ้นจากเดือน ก.ค. ที่ 52.7 เป็นการขยายตัว มากสุดในรอบ 10 ปี ด้าน EU สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) รายงานอัตราการว่างงานในยูโรโซน ใน เดือน ก.ค. ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 7.9% จาก มิ.ย. ที่ 7.7% เป็นผลมาจากการที่ภาครัฐฯ กลับมาใช้มาตรการ ล็อกดาวน์เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งนอกจากอัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้น ยังทำให้ดัชนีผู้จัดการ ฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของยูโรโซนในเดือน ส.ค. ปรับตัวลงสู่ระดับ 51.7 จากระดับ 51.8 ในเดือน ก.ค. และอัตราเงินเฟ้อในเดือน ส.ค. กลับมาหดตัว 0.2% ลดลงเมื่อเทียบเดือน ก.ค. ที่ 0.4%
รายงานสถิติทางด้านเศรษฐกิจที่สำคัญวันนี้ - รายงานเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ จำนวนการเปลี่ยนแปลง ในการจ้างงานนอกภาคเกษตรจาก ADP (ADP Nonfarm Employment Change) เดือน ส.ค. (คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 2.25 ล้านตำแหน่ง) และรายงานสินค้าคงคลังน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ (Crude Oil Inventories)
มุมมองทางเทคนิค - เราคาดว่า SET Index วันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,293-1,314 จุด (มีแนวรับอยู่ที่ 1,299 1,293 และ 1,284 จุด และมีแนวต้านอยู่ที่ 1,307 1,314 และ 1,323 จุด) หุ้นแนะนำทางเทคนิควันนี้ได้แก่ RS GULF TKN THANI และ MAJOR
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities