การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ส่งผลกระทบเชิงลบอย่างมีนัยสำคัญต่อผล ประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทย งวด 2Q63 กำไรสุทธิรวมเหลือเพียง 1.16 แสนล้านบาท ลดลงถึง 47% YoY แต่ฟื้นตัวราว 6.5% QoQ ด้วยแรงหนุนจากการ กลับมาบันทึกกำไรจากสต๊อกของกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมี เรามองว่า 2Q63 จะเป็นจุดต่ำสุดของผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนและ GDP ของไทย จุดเปลี่ยนสำคัญที่ต้องจับตาคือการปรับเพิ่มประมาณการกำไรของนักวิเคราะห์ใน Consensus หากเกิดขึ้นจะช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับนักลงทุน และช่วยหนุนให้ SET INDEX ขยับขึ้น ลดช่องว่างเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นภูมิภาค ในเชิงกลยุทธ์ เราแนะนำให้สะสม หุ้นที่กำไร 1H63 เติบโตดีกว่าภาพรวมตลาด ขณะที่ราคาหุ้นยังปรับตัวขึ้นไม่มาก ได้แก่ AP/ BCH/ OSP, หุ้นได้ประโยชน์จากราคาสินโภคภัณฑ์ เช่น PTT/ PTTGC และ หุ้นได้ประโยชน์จากวัคซีน COVID-19 เช่น AOT/ MINT/ CENTEL/ CRC
COVID-19 พ่นพิษ...กำไร 2Q63 ลดลง 47% YoY บริษัทจดทะเบียนใน SET รายงานกำไรสุทธิงวด 2Q63 เท่ากับ 1.16 แสนล้านบาท หดตัวแรง 47.0% YoY ถือว่าเป็นไตรมาสที่การแพร่ระบาดของโรค COVID-19 มี ผลกระทบรุนแรงสุดเนื่องจากมาตรการ Lockdown เต็มรูปแบบในหลายประเทศ พร้อมกันทั่วโลก รวมถึงไทย ทำให้หลายกิจกรรมและกิจการ ต้องหยุดชั่วคราวหรือ ดำเนินการได้อย่างจำกัด สะท้อนไปถึง Real GDP ของไทย งวด 2Q63 ลดลงหนัก 12.2% YoY (เป็นรองเพียงงวด 2Q41 ที่ -12.5% YoY ช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง) อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิรวมงวด 2Q63 ฟื้นตัวราว 6.5% QoQ โดยหลักเนื่องจากการ ฟื้นตัวของหุ้นกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีพลิกกลับมาบันทึกกำไรจากสต๊อกน้ำมัน เทียบกับ 1Q63 ที่ขาดทุนหนักตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ นอกจากนี้สิ่งที่น่าสนใจ คือ เราเห็นการปรับตัวของบริษัทจดทะเบียนทั้งด้านรายได้(นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่มีความต้องการ, ปรับเปลี่ยนช่องทางการขายเป็นออนไลนม์ากขึ้น) และ ด้านค่าใช้จ่ายในภาวะที่การดำเนินธุรกิจได้รับผลกระทบจาก COVID-19
Upside จำกัดจนกว่าจะเห็นการปรับประมาณการคาดการณ์กำไรต่อหุ้น (EPS) ของ SET INDEX โดย Bloomberg Consensus สำหรับ ปี2563 ล่าสุด อยู่ที่59.17 บาท/หุ้น น้อยสุดนับตั้งแต่ปี2552 หลังวิกฤติซับไพรม์ซึ่ง เราเชื่อว่าการตกต่ำ ของ EPS ปีนี้สะท้อนอยู่ในราคาหุ้น เมื่อครั้งที่ SET INDEX ลง ไปพบจุดต่ำ สุด 969 จุด เมื่อวันที่13 มี.ค.2563 ไปแล้ว และเราให้น้ำหนักกับทิศทาง ของการปรับประมาณการจากนี้มากกว่า ซึ่งนักวิเคราะห์ใน Consensus ยังคงปรับประมาณการลงราว 3.2% MoM ต่างจากตลาดหุ้นหลายแห่ง เช่น สหรัฐฯ ไต้หวัน ซึ่ง มีการปรับเพิ่มประมาณการกำไรของนักวิเคราะห์ใน Consensus สะท้อนว่าประมาณการของนักวิเคราะหไ์ด้ครอบคลุมถึงจุดต่ำสุดแล้ว และจากนี้ไป ผลประกอบการจะฟื้นตัวจากจุดต่ำสุด ทำให้นักลงทุนมีความมั่นใจในก่รลงทุนมากขึ้นสะท้อนภาพบวกไปถึงราคาหุ้นให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น
กลยุทธ์การลงทุน มุมมองนักวิเคราะห์ของ Yuanta Research ประเมินว่า ผลประกอบการของกลุ่ม อุตสาหกรรมส่วนใหญ่ ผ่านจุดต่ำสุดแล้วใน 1H63 และฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจ หลังการคลายมาตรการ Lockdown จับตาการปรับเพิ่มประมาณการของ Consensus จะเป็นสัญญาณชี้นำการฟื้นตัวของ SET INDEX อย่างยั่งยืน ในเชิงกลยุทธ์ เรา แนะนำให้สะสม (1) หุ้นที่ผลประกอบการ 1H63 ดีกว่ากลุ่มอุตสาหกรรมหรือ ภาพรวมตลาด ขณะที่ราคาหุ้น ยังปรับตัวขึ้นไม่มาก ได้แก่ AP/ BCH/ OSP (2) หุ้นได้ ประโยชน์จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity Play) เช่น PTT/ PTTGC ช่วย ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มขยับขึ้น หาก Fed ใช้นโยบำย Average Inflation (3) หุ้นได้ประโยชน์จากวัคซีน เช่น AOT/ MINT/ CENTEL/ CRC ปัจจัยติดตามในช่วง 2H63 ได้แก่ (1) ปัจจัยการเมืองในประเทศ (2) การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน (3) เลือกตั้งสหรัฐฯ (4) การออกมาตรการเยียวยา ผลกระทบจาก COVID-19 (5) ความคืบหน้าของการพัฒนาวัคซีน
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Yuanta Securities