THANACHART CAPITAL คาดกำไร 3Q63 ฟื้นตัว QoQ แต่ยังไม่โดดเด่น
ผู้บริหารคงมุมมองระมัดระวัง แต่คาดจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยใน 3Q63 จากการประชุมนวค. ผู้บริหารยังคงมุมมองระมัดระวังต่อธุรกิจโดยรวม แม้บางธุรกิจจะเริ่มมีทิศทางดีขึ้น แต่คาดจะไม่หวือหวานัก โดยมีมุมมองแต่ละธุรกิจดังนี้
1) THANI: ผบห. ยังคงเป้าเติบโตของสินเชื่อปีนี้ที่ Flat YoY สะท้อนว่าพอร์ตสินเชื่อจะเริ่มกลับมาปรับตัวดี ขึ้นในช่วง 2H63 ตามกิจกรรมทาง ศก. ในประเทศ ขณะที่การตั้งสำรองคาดจะเริ่มผ่อนคลายลงจาก 1H63 เช่นกัน นอกจากนี้ปัจจุบัน ราชธานีลิสซิ่ง (BK:THANI) อยู่ระหว่างเพิ่มทุนซึ่งจะเสร็จสิ้นวันที่ 9 ต.ค. หากมียอดเพิ่มทุนตามเป้า จะทำให้ D/E ratio ลดลงเหลือเพียง 3-4x จากปัจจุบันที่ 5.6x หนุนฐานะการเงินแข็งแกร่งและมีช่องว่างสำหรับการปล่อยสินเชื่อ
2) TMB: ผู้บริหารมองว่าแบงก์อาจจะมีการตั้งสำรองในระดับที่สูงใกล้เคียงกับ 1H63 เพราะลูกหนี้ที่เข้า โครงการพักชำระหนี้จะเริ่มทยอยครบกำหนดอายุโครงการ และต้องกลับมาจ่ายชำระหนี้ตามปกติตั้งแต่ เดือน ต.ค. ทำให้หนี้เสียมีโอกาสปรับเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ดีพอร์ตลูกหนี้ของ TMB มีความเสี่ยงไม่มากนัก เพราะมีสัดส่วนให้สินเชื่อกับธุรกิจที่เชื่อมโยงกับภาคการท่องเที่ยวต่ำ
3) ธุรกิจอื่นๆ: TNI ปรับลดเป้าเบี้ยประกันตรงลง 5% จากเป้าเดิมเหลือ 8,350 ลบ. แต่เบี้ยกันภัยต่อผ่าน Telesales ยังทำได้ค่อนข้างดีทั้งนี้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เพราะบริษัทจะลดการ พึ่งพาการขายผ่านแบงก์ส่วน TNS เริ่มเห็นการฟื้นตัวของ Market Share บวกกับลูกค้าเริ่มให้ความสนใจ ลงทุนผ่าน ZEAL (บริการลงทุนสำหรับลูกค้าที่มีเงินลงทุนขั้นต่ำ 1 ลบ.) มากขึ้น ขณะที่ธุรกิจ AMC ใน ภาพรวมยังค่อนข้าง Flat เนื่องจากพอร์ตหนี้เสียใหม่ๆ จะเริ่มมีการเปิดประมูลช่วงปลายปีส่วน MBK ผบห. มองว่าธุรกิจศูนย์การค้าและโรงแรมจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป
คาดกำไรปกติเริ่มฟื้นตัวใน 3Q63 โดยมี THANI เป็นตัวหนุนหลัก เราคาดเริ่มมีผลดำเนินงานที่ดีขึ้นตั้งแต่ 3Q63 เป็นต้นไป แต่อาจจะไม่เร็วมากนักเทียบกับแบงก์อื่นๆ ที่ผ่าน การตั้งสำรองก้อนใหญ่ไปแล้ว เพราะ TMB ยังมีโอกาสตั้งสำรองเพิ่มอยู่ อีกทั้งมีปัจจัยลบจากการรับรู้ผล ดำเนินงานที่อ่อนแอของ MBK ใน 2Q63 จากผลของการลดค่าเช่าและ Occupancy rate ของโรงแรมที่แย่ ลงเข้ามาในงบ 3Q63 ของบริษัท
ขณะที่ THANI คาดผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วใน 2Q63 และ คาดจะเห็นสินเชื่อเริ่มเติบโตตามยอดจดทะเบียนรถบรรทุกใหม่ (เดือน ก.ค. โต 17.5%MoM) ทำให้เราคง ประมาณการกำไรปกติปี 2563 ที่ 4,628 ลบ. ลดลง 24.7%YoY ปรับลดราคาพื้นฐานลงเหลือ 40 บาท สะท้อน ROE ที่แย่กว่าคาด แม้เราชอบ TCAP เนื่องจากเป็นหุ้น Dividend Play ที่น่าสนใจ แต่ปรับลด Sustainable ROE ลงจาก 8.5% เหลือ 7.5% เพื่อสะท้อนความสามารถในการทำกำไรที่น้อยลงหลังปรับโครงสร้างธุรกิจและแผนลงทุนใน ธุรกิจใหม่ที่มี ROE สูงยังไม่ชัดเจน ทั้งนี้ราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside 28.2% จากมูลค่าพื้นฐานใหม่ลดลง เป็น 40 บาท (วิธี GGM)และคาด Div. Yield ช่วงที่เหลือของปีอีก 3.2% จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Yuanta Securities