3 หุ้นเด่นประจำสัปดาห์: Berkshire Hathaway, Lyft, Cisco
จากการรายงานผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 ปี 2020 ในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่าบริษัทต่างๆ ในสหรัฐฯ สามารถเอาตัวรอดมาจากวิกฤตโควิด-19 มาได้ค่อนข้างดี อ้างอิงข้อมูลค่าเฉลี่ยจากการรายงานตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้น (EPS) ของบริษัทส่วนใหญ่ในสหรัฐอเมริกาโดย FactSet พบว่าตัวเลขที่ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์มากถึง 83% เหนือค่าเฉลี่ยในรอบ 5 ปีล่าสุด
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นมาสนับสนุนข่าวดีนี้อีกเช่นตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตร (NFP) ของเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้นและอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ เราเชื่อว่าปัจจัยทั้งสองนี้จะทำให้เฟดไม่เข้ามายุ่งกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ไปอีกสักระยะ ขณะที่สหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้น่าจะมีข่าวดีเข้ามาสนับสนุนเพิ่มขึ้นแต่การรายงานผลประกอบการในรอบนี้ยังไม่จบและอีกเช่นเคยที่ต้องเป็นหน้าที่ของเราหยิบหุ้น 3 ตัวที่น่าสนใจในสัปดาห์นี้มาฝากกันอีกเช่นเคย
1. Berkshire Hathaway
บรืษัทที่มีชื่อเสียงที่สุดในหมู่นักลงทุนเพราะเป็นบริษัทของตำนานนักลงทุนชื่อดังระดับโลกนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ “เบิร์กเชียร์แฮทาเวย์” (NYSE:BRKa), (NYSE:BRKb) หรือ “BRK” ได้รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 2020 ไปเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ข้อมูลจากรายงานระบุว่ารายได้ของ BRK ลดลง 10% มีกำไรในไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ $5,510 ล้านเหรียญสหรัฐเทียบจากของปีที่แล้วที่เคยทำได้ $6,140 ล้านเหรียญสหรัฐ
สาเหตุที่บริษัทของนักลงทุนในตำนานมีกำไรลดลงเนื่องจากบริษัทจำเป็นต้องแบ่งเงินประมาณ $10,000 ล้านเหรียญสหรัฐไปรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในภาคการผลิตของบริษัท Precision Castparts ซึ่งเป็นธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของ BRK แต่สิ่งที่นักลงทุนให้ความสนใจมากที่สุดจากการรายงานผลประกอบการครั้งนี้คือการใช้เงินจำนวน $5,100 ล้านเหรียญสหรัฐในการซื้อหุ้นของ BRK คืน
การตัดสินใจดำเนินการเช่นนั้นของ BRK เท่ากับว่าบริษัทต้องยอมดึงเงินประมาณ $13,000 ล้านเหรียญสหรัฐมากจากหุ้น ธุรกิจสายการบินและธุรกิจอื่นๆ ของบริษัทออกมาซึ่งนั่นทำให้วอร์เรน บัฟเฟตต์ต้องขายหุ้นบางตัวออกไปมากที่สุดในรอบทศวรรษเลยทีเดียว
BRK กล่าวในการรายงานผลประกอบการเมื่อวันเสาร์ว่า “บริษัทของเราได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ไม่ต่างจากบริษัทอื่นๆ จนทำให้เรามองว่าต้องเตรียมตัวเพิ่มกระแสเงินสดแต่ลดผลกำไรและกิจกรรมทางธุรกิจในบางส่วนลง อย่างไรก็ตามเรายังเชื่อในสภาพคล่องและเงินทุนที่มีซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดในช่วงเวลานี้”
ในไตรมาสนี้เบิร์กเชียร์ได้นำเงินอีก $3,450 ล้านเหรียญสหรัฐไปลงทุนในหุ้นบางตัวยกตัวอย่างเช่นหุ้นของบริษัทแอปเปิล (NASDAQ:AAPL) เมื่อรายงานผลประกอบการของแอปเปิลออกมาดีเกินคาดก็ทำให้บริษัทของวอร์เรนได้กำไรมา $2,630 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้นจากเดิม $1,410 ล้านเหรียญสหรัฐที่เคยได้จากช่วงเวลาเดียวกันในปี 2019
อนึ่ง ในไตรมาสแรกหุ้นเบิร์กเชียร์ คลาส เอและคลาส บี ร่วงลงมากกว่า 19% และในไตรมาสที่ 2 การปรับตัวขึ้นของหุ้น BRK ก็ยังถือว่าน้อยกว่า S&P 500 มากกว่า 1% ล่าสุดหุ้นเบิร์กเชียร์ คลาส บีมีราคาปิดอยู่ที่ $209.48
2. Lyft
บริษัทผู้ให้บริการเรียกรถแท็กซี่อันดับสองของสหรัฐอเมริกา “ลิฟต์” (NASDAQ:LYFT) จะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 2020 ในวันพุธที่ 12 สิงหาคมหลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด นักวิเคราะห์คาดว่าลิฟต์จะมีตัวเลขกำไรรวมอยู่ที่ $240.26 ล้านเหรียญสหรัฐและมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $1.07
ราคาหุ้นของลิฟต์ปรับตัวลดลง 7% เมื่อวันศุกร์และมีราคาปิดในวันนั้นอยู่ที่ $30.19 ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทคู่แข่งคนสำคัญอย่างอูเบอร์ (NASDAQ:UBER) พึ่งรายงานผลประกอบการไปเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ตัวเลขผลประกอบการที่ออกมาของอูเบอร์ถือว่าน่าผิดหวังสำหรับนักลงทุนเนื่องจากธุรกิจรับส่งผู้โดยสารซึ่งเป็นธุรกิจหลักยังชะลอตัวจากปัญหาไวรัสโรคระบาดโควิด-19
ขนาดว่าอูเบอร์ที่มีการตีตลาดในประเทศอื่นๆ นอกจากสหรัฐฯ ยังรายงานผลประกอบการออกมาเป็นแบบนี้ นักลงทุนจึงเป็นกังวลว่าแล้วบริษัทลิฟต์ที่มีธุรกิจอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกาและแคนาดาเท่านั้นจะเป็นเช่นไร อันที่จริงหุ้นของลิฟต์ส่งสัญญาณชะลอตัวมาตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมีนาคมแล้วที่การระบาดพึ่งเกิดขึ้นในประเทศและทำให้ผู้คนไม่สามารถออกมาทำงานข้างนอกตามปกติได้ อย่างที่รู้กันว่าในไตรมาสที่ 2 สหรัฐฯ ก็ไม่ได้สามารถจัดการแก้ไขปัญหาโควิด-19 ได้อย่างจริงจังซึ่งปัจจัยนั้นอาจทำให้ผลประกอบการของลิฟต์แย่ลงยิ่งกว่าเดิม
จากเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมดทำให้ในการรายงานผลประกอบการครั้งนี้นักลงทุนต้องการทราบว่าลิฟต์จะให้วิธีการใดเพื่อลดต้นทุน ตลอดทั้งปี 2020 หุ้นของลิฟต์ปรับตัวลงมาแล้วทั้งสิ้น 30%
3. Cisco Systems
บริษัทซิสโก้ (NASDAQ:CSCO) จะรายงานผลประกอบการแบบปีบัญชีของไตรมาสที่ 4 ปี 2020 ในวันพุธที่ 12 สิงหาคมนี้หลังจากตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ ปิด นักวิเคราะห์คาดว่าซิสโก้จะมีรายงานตัวเลขผลกำไรรวมอยู่ที่ $12,040 ล้านเหรียญสหรัฐและมีตัวเลขการปันผลกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ $0.74 ซิสโก้เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จากรายงานผลประกอบการแบบปีบัญชีในไตรมาสที่ 3 ของปี 2020 แบบปีต่อปีพบว่าตัวเลขผลกำไรลดลง 8% ซึ่งถือเป็นการลดลงมากที่สุดของบริษัทในรอบ 6 ปี
ภายใต้การบริหารของนายชัค โรบินส์ CEO คนปัจจุบันทำให้ซิสโก้ได้ควบรวมเข้ากับบริษัท Acadia Communications (NASDAQ:ACIA) ด้วยวงเงินประมาณ $2,600 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อปีที่แล้ว สาเหตุที่ซิสโก้ตัดสินใจซื้อบริษัทนี้เพราะซิสโก้ต้องการสร้างธุรซอฟท์แวร์และธุรกิจบริการที่เน้นไปในทางการเก็บข้อมูลจากดวงตาของผู้ใช้งานมาแปลงเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
นักวิเคราะห์หวังว่าวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกลและการที่บริษัทยังมีส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่จะสามารถทำให้การรายงานผลประกอบการครั้งนี้สามารถเอาชนะตัวเลขคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ไปได้ ตลอดทั้งปี 2020 หุ้นซิสโก้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้นและมีราคาปิดล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่แล้วอยู่ที่ $47.43