กำไรสุทธิ 2Q63 ที่ 154 ล้านบาท ลดลงทั้ง YoY และ QoQ แต่ดีกว่าที่เรา และ Consensus คาดหมายไว้
► คาดตลาดอสังหาริมทรัพย์หดตัวน้อยกว่าที่คาด โดยแนวราบยังเป็นกลุ่มที่มี กำลังซื้อต่อเนื่อง โดยเฉพาะทาวเฮาส์
► อัตรากำไรขั้นต้น 2H63 มีแนวโน้มลดลงจากการแข่งขันรุนแรง
► กำไร 2Q63 ดีกว่าคาด แต่มีความเสี่ยงจาก Rejection Rate ที่สูง ทำให้เรา ยังเชื่อว่าประมาณการณ์กำไรสุทธิปี 2563 ของเรายังมีความเป็นไปได้
► บริษัทงดจ่ายปันผลระหว่างกาล หลังมีการจ่ายเงินปันผลพิเศษ 1.00 บาท ในช่วง มิ.ย. 63 แต่เงินปันผลจากกำไรปกติปี 63 ยังให้ผลตอบแทน 7.4%
► แนะนำ“ขาย” หลังราคาหุ้นเกินมูลค่าพื้นฐานไปมาก
Presales มีโอกาสเข้าเป้า หลังตลาดอสังหาริมทรัพย์ไม่แย่อย่างที่คิด ข้อมูลจากศูนย์วิจัยของ (BK:LPN)ได้คาดการณ์ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2563 จะหด ตัว 25-30%YoY จากเดิมที่คาดว่าหดตัวกว่า 50%YoY โดยได้ปัจจัยหนุนจากกลุ่ม โครงการแนวราบที่ยังมีกำลังซื้อต่อเนื่อง ทำให้เรามองว่ายอด Presales ในปี 2563 ของบริษัทมีโอกาสสูงที่จะเข้าเป้าที่ตั้งไว้ที่ 10,000 ล้านบาท หลัง 1H63 ทำได้ที่ 4,600 ล้านบาท (คิดเป็น 46%) โดยมีปัจจัยหนุนจาก (1) การเปิด 3 คอนโดมิเนียม มูลค่า 3,900 ล้านบาท ในช่วง 4Q63 (2) การขายโครงการต่อเนื่องของทั้ง คอนโดมิเนียม และโครงการแนวราบ และ (3) สถานการณ์ COVID-19 ในประเทศที่ดีขึ้น ช่วยหนุนกำลังซื้อให้กลับมาปกติ ซึ่งทางบริษัทอิงกำลังซื้อจากลูกค้าในประเทศ เกือบทั้งหมด
กำไรสุทธิ 2Q63 ที่ 154 ล้านบาท (-13%YoY และ -29%QoQ) บริษัทรายงานกำไรสุทธิ 2Q63 ที่ 154 ล้านบาท ลดลงทั้ง YoY และ QoQ แต่สูงกว่า ที่เรา และ Bloomberg Consensus คาดไว้ 47% และ 37% ตามลำดับ หลังรายได้ รวมสูงกว่าที่เราคาดไว้ราว 6% อยู่ที่ 1,538 ล้านบาท โดยหลักมาจากโครงการ แนวราบที่มีการโอนที่ดีต่อเนื่อง ประกอบกับอัตรากำไรขั้นต้นของการโอน อสังหาริมทรัพย์ในไตรมาสนี้อยู่ที่ 29.4% สูงกว่าที่เราประมาณการไว้ที่ 27.3% หลัง บริษัทมีการจัดแคมเปญระบายสต๊อกโครงการ โดยเฉพาะโครงการที่มีอัตราขายไม่ดี อย่างไรก็ตามต้นทุนการเงินได้ปรับตัวสูงขึ้นเป็น 30 ล้านบาท เทียบกับ 2Q19 ที่ 5 แสนบาท หลังบริษัทมีภาระทางการเงินที่สูงขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการสำรองเงินสดเพื่อเพิ่มสภาพคล่อง
แนะนำ “ขาย” ให้ราคาเป้าหมายที่ 3.50 บาท เรายังคงคำแนะนำ “ขาย” แม้ว่าผลประกอบการใน 2Q63 จะออกมาดีกว่าที่เราคาดไว้ แต่ยังต้องติดตามผลการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปี 2563 ซึ่งยังมีความเสี่ยง จากการรับรู้ Backlog ของกลุ่มคอนโดมิเนียม กว่า 2,000 ล้านบาท หลังอัตรา Rejection ปรับตัวสูงขึ้น หลังธนาคารผู้ปล่อยสินเชื่อมีความเข้มงวดมากขึ้น ประกอบกับการแข่งขันของอุตสาหกรรมที่ยังรุนแรง โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม อาจเป็นปัจจัย กดดันให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงต่ำกว่าในช่วง 1H63 ที่ผ่านมา ซึ่งทำได้ในระดับ 31.2% นอกจากนี้ราคาหุ้น ณ ปัจจุบัน เกินมูลค่าพื้นฐานที่เราให้ไว้ค่อนข้างมาก ทำให้เราแนะนำ “ขาย” ให้ราคาเป้าหมายปี 2563 ที่ 3.50 บาท
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Asia Wealth Securities