หลังมูลค่าบริษัทพุ่งแซง Saudi Aramco บริษัทน้ำมันแห่งชาติซาอุที่ครองแชมป์มาตลอดนับตั้งแต่เปิด IPO ไปเมื่อปลายปีที่แล้ว โดยราคาพุ่งแซงวันเดียวกับที่เพิ่งเปิด Apple Store สาขาที่สองในประเทศไทยพอดีเป๊ะ
หุ้นของ Apple Inc (NASDAQ:AAPL)พุ่งขึ้นกว่า +10% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาไปแตะระดับ 425 เหรียญและปิดตลาดด้วยมูลค่ารวมที่ 1.817 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ (หรือ 68 ล้านล้านบาท) เป็นระดับที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท Apple และทำให้กลายเป็นกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกไปโดยทันที ! (กราฟราคาหุ้นแนบในคอมเม้นท์)
เปิดสาขาสองในไทยทำให้ราคาหุ้นเด้งขนาดนั้นเลยหรือ ???
#ล้อเล่นนะครับ การเปิดสาขาในไทยนั้นคงไม่ได้มีผลกระทบต่อผลประกอบการทั่วโลกของ Apple ขนาดนั้น ถึงแม้ทาง CEO อย่าง Tim Cook จะเป็นผู้ทวีตออกมาโปรโมทและแสดงความยินดีให้กับสาขาที่ไทยนี้ด้วยตัวเองเลยก็ตาม
แต่เหตุผลจริงๆคือ ทาง Apple ได้ประกาศผลประกอบการในไตรมาส 2 ออกมาวันนึงก่อนหน้านี้ ที่รายได้โตขึ้นมาถึง +11% สูงกว่าความคาดหมายของตลาดไว้มากทำให้ราคาหุ้นดีดขึ้นโดยทันที
การที่ยอดขายและธุรกิจของ Apple สามารถยืนหยัดผ่านไตรมาสที่ 2 ซึ่งเรียกได้ว่าเป็น #ไตรมาสที่โหดที่สุด และเศรษฐกิจทั่วโลกได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิดระบาดหนักที่สุดในไตรมาสนี้ (GDP สหรัฐติดลบกว่า -32%) การผ่านบททดสอบนี้ไปได้ดีกว่าที่คาดทำให้นักลงทุนเชื่อว่าธุรกิจของ Apple ยังคงแข็งแกร่งและจะยังโตขึ้นเรื่อยๆ
ประกอบกับการประกาศว่า Apple จะแตกหุ้นออกเป็น 4 ต่อ 1 หุ้น ทำให้ราคาต่อหุ้นที่ลดน้อยลง #ยังสามารถดึงนักลงทุนรายย่อย เข้ามาได้มากขึ้นด้วยนั้น ก็เป็นผลบวกต่อมูลค่าบริษัท
#บริษัทในตลาดที่มีมูลค่าสูงสุดในโลกเวลานี้ หากจะให้เรียงคร่าวๆน่าจะเป็น
1. Apple
2. Saudi Aramco
3. Amazon 49.4
4 Microsoft
5.. Alphabet (Google (NASDAQ:GOOGL))
6. Facebook Inc (NASDAQ:FB)
7. Tencent
โดยจะเห็นได้ว่านอกเหนือจากบริษัท Saudi Aramco ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของน้ำมันดิบในหลุมทั้งหมดของซาอุดิอาระเบียแล้ว (มูลค่าของ Saudi Aramco คือสินทรัพย์น้ำมันที่ถืออยู่โดยยังไม่ได้ขุดออกมา) บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกต่างๆนั้นก็ล้วนแต่เป็นบริษัท Technology ทั้งสิ้น
ทำให้เราแน่ใจได้เลยว่า #โลกเรากำลังเข้าสู่ยุค Technology Disruption อย่างเต็มรูปแบบจริงๆครับ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามเพจของเราฝาก Like และ Share เป็นกำลังใจให้แอดด้วยหากข้อมูลนี้มีประโยชน์ ขอบคุณมากๆครับ
#ทันโลกกับTraderKP
บทวิเคราะห์นี้เผยแพร่ครั้งแรกที่เพจ Oil Trading - ทันตลาดน้ำมันและเศรษฐกิจโลกกับ KP