ในวันที่ 22 ก.ค. 2563 ที่ผ่านมาความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ –จีนได้กลับมาปะทุอีกครั้ง หลังจากโฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เผยว่า ทางการสหรัฐฯ ได้สั่งปิดสถานกงสุลของจีนในเมืองฮุสตัน รัฐเทกซัส เพื่อปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาของสหรัฐฯ และข้อมูลส่วนตัวของชาวอเมริกันด้านนายหวางอี้ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของจีนระบุว่า ได้รับคำสั่งจากทางการสหรัฐให้ยุติการดำเนินการของสถานกงสุล และปิดทำการภายใน 72 ชั่วโมง โดยนายหวางอี้ยังโต้กลับว่าคำสั่งดังกล่าวเป็นการยกระดับการกระทำที่เป็นปฏิปักษ์กับจีนอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน พร้อมทั้งเรียกร้องให้ทางการสหรัฐฯ เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวทันที มิเช่นนั้นจีนจะตอบโต้กลับ
Our view: จีน ตอบโต้ด้วยการสั่งปิดสถานกงสุลสหรัฐฯ ในเฉิงตู ช่วงสุดสัปดาห์ แต่ไม่ได้มีเหตุการณ์หรือการตอบโต้กลับที่ลุกลามบานปลาย ทำให้สถานการณ์ยังค่อนข้างสงบในระยะสั้น อย่างไรก็ดีความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ –จีนเริ่มกลับมามีน้ำหนักต่อตลาดหุ้นทั่วโลกอีกครั้ง จับตาหากเริ่มหยิบยกมาตรการด้านการค้ามาตอบโต้กัน จะเป็นลบต่อบรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกสําหรับนักลงทุนที่รับควํามเสี่ยงได้จํากัด เราแนะนำให้พักเงินในกองทุนตลาดเงิน เช่น K-CASH ของ บลจ.กสิกรไทย เน้นลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ราว 90% และเงินฝากอีก 10% กองทุนจะลงทุนในตราสารที่มีอายุ ไม่เกิน 397 วัน และบริหารจัดการให้ดูเรชั่นของพอร์ตไม่เกิน 92 วันกองทุนมีผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีที่ 1.04% (ณ วันที่ 24 ก.ค. 2563)
สำหรับนักลงทุนที่สามารถรับความเสี่ยงได้สูงเรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อตลาดหุ้นจีนเนื่องจาก
1) การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างท าให้คนชั้นกลางมีรายได้เพิ่มขึ้น 2) การใช้จ่ายของผู้บริโภคยุคใหม่3) การปรับโครงสร้างตลาดทุนให้เป็นสากล โดยได้มีการเปิดรับนักลงทุนต่างชาติมากขึ้นและ 4) ดัชนี MSCI EM ได้ปรับเพิ่มน ้าหนักหุ้นจีน A-share ในการค านวณดัชนี ปัจจุบันมีสัดส่วนที่ 4.7% และในอนาคตมีแนวโน้มเพิ่มสัดส่วนเป็น 20.3% ซึ่งจะสามารถช่วยให้มี กระแสเงินทุนจากต่างชาติเข้ามาสู่
ตลาดหุ้นจีนมากขึ้น กองทุนจีนแนะนำ คือ 1) T-ES-CHINA A ของ บลจ.ธนชาต หรือ TMB- ES-CHINA-A ของ บลจ.ทหารไทย ที่ลงทุนในกองทุนหลัก UBS CHINA A Opportunity ซึ่งเน้นลงทุนในหุ้นจีน A Share เป็นหลัก กองทุนเน้นลงทุนในกลุ่มการเงิน, Consumer และ Healthcare กองทุนมีผลการดำเนินงานโดดเด่น 5 ปีย้อนหลัง +13.4% ต่อปี (ข้อมูลจาก UBS ณ วันที่30 เม.ย. 2563) และ 2) UCHINA ของ บลจ.ยูโอบี ลงทุนในกองทุนหลัก UBS All China Equity เน้นลงทุน ทั้งหุ้น A-share และ H-Share รวมถึง ADRs(หุ้นจีนที่จดทะเบียนซื้อขายในสหรัฐฯ) โดยมีจุดเด่นที่ ความยืดหยุ่นในการเลือกลงทุน โดยกองทุนเน้นลงทุนในกลุ่ม Consumer, การเงินและสื่อสาร
ด้ํานตลาดหุ้นสหรัฐฯ สำหรับนักลงทุนที่รับควํามเสี่ยงได้สูงเราแนะนำให้ทยอยสะสมหุ้นสหรัฐฯ โดยเน้นไปยังกลุ่มของเทคโนโลยี หรือ ดัชนี NASDAQ “เมื่อราคาอ่อนตัว” ที่แนวรับแรก บริเวณ 10,030จุด (ย่อตัวราว 3% จากระดับปัจจุบัน) แนวรับถัดไปบริเวณ 9,730จุด (ย่อตัว 6%จากระดับปัจจุบัน) โดยเน้นเลือกกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตที่ดี และได้รับผลกระทบจาก COVID-19 จำกัดอย่างกลุ่ม Technologyและกลุ่ม Disruptive รวมถึงได้ปัจจัยหนุนจาก 1) การปรับพฤติกรรม ของผู้บริโภค (New Normal) เช่น Work from home ทำให้มีความต้องการอุปกรณ์ทางด้าน IT มากขึ้น
2) การปรับจาก Offline มาเป็น Online เช่น Cloud Computing 3) การซื้อของออนไลน์ เช่น E-Commerce ซึ่งได้รับประโยชน์จากการ lockdown ทำให้คนจำเป็นต้องหันมาซื้อของออนไลน์มากขึ้น
4) การพัฒนาวัคซีน หรือยารักษา Covid-19 ที่คาดว่าจะจำหน่ายได้ในช่วงต้นปีหน้า ดังนั้น กองทุน หุ้น Global ที่เราแนะนำคือ ONE-UGG-RA ของ บลจ.วรรณ ลงทุนในกองทุนหลัก Baillie Gifford Long Term Global Growth ที่เน้นลงทุนในหุ้นทั่วโลกไม่จำกัดในภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่ง โดยกองทุนมีสัดส่วนการลงทุนในสหรัฐฯ ราว 50% รองลงมาคือจีน ที่ราว 25% ที่เหลือกระจายตัวในยุโรปและเอเชีย ด้านกลุ่มอุตสาหกรรม กองทุนลงทุนในกลุ่มอุปโภคบริโภคราว 40% รองลงมาเป็นเทคโนโลยีและ Healthcareและกองทุนเทคโนโลยีคือ T-ES-GTECH ของ บลจ.ธนชาต ลงทุนในกองทุนหลัก Polar Capital Global Technology Fund เน้นลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีทั่วโลก โดยมีสัดส่วนในสหรัฐฯ ราว 77% รองลงมาคือจีนและญี่ปุ่ น กลุ่มที่กองทุนเน้นลงทุนได้แก่ Software, Semiconductor และ Media
กองทุนไหนได้ประโยชน์หากความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ – จีนกลับมา ?
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด อาจเป็นผู้ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker) และอาจเป็นผู้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (Derivative Warrants) ที่อ้างอิงหลักทรัพย์ใน SET100 และ SET50 index โดยบริษัทฯ อาจจัดทำบทวิเคราะห์ของหลักทรัพย์อ้างอิงดังกล่าว ดังนั้น นักลงทุนควรศึกษารายละเอียดในหนังสือชี้ชวนของใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ดังกล่าวก่อนการ
Source: Infoquest
บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นและเผยแพร่โดยทีมนักวิเคราะห์ของ Yuanta Securities